คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1163/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อโจทก์จำเลยผู้เป็นทายาทได้ครอบครองที่มรดกร่วมกันมาแล้ว เพียงเมื่อจำเลยห้ามน้องชายโจทก์มิให้เก็บผลไม้ในที่พิพาทได้สะดวกแต่ต่อนั้นก็ใช่ว่าโจทก์ยอมสงบไม่ยังคงติดตามให้คนเข้าเก็บและร้องต่อผู้ใหญ่บ้านกำนันให้จำเลยจัดการแบ่งให้เรื่อย ๆ มาจนมาฟ้องต่อเนื่องกันเช่นนี้ อายุความฟ้องของโจทก์ไม่ต้องบังคับตามอายุความ 1 ปี

ย่อยาว

โจทก์จำเลยทั้งสามเป็นทายาทของนางหนูเจ้ามรดก โจทก์ฟ้องว่าโจทก์จำเลยต่างรับมรดกปกครองที่พิพาททั้ง5 แปลงตลอดมา โจทก์ขอแบ่งส่วน 1 ใน 3 จำเลยไม่ยอม จึงฟ้อง

จำเลยทั้งสองต่อสู้ว่า จำเลยที่ 1 ครอบครองทรัพย์มรดกเป็นเจ้าของมาแต่ผู้เดียว และตัดฟ้องว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 จัดการเอานาหมายเลข 2, 3 แบ่งให้โจทก์ 1 ใน 3 โดยให้จำเลยที่ 1 ถอนเอานาหมายเลข 3 คืนจากเจ้าหนี้มาแบ่งปันถ้าไม่สามารถเอาคืนมาได้ให้จำเลยที่ 1 ส่งเงินมาแบ่งแทน 3,000 บาท

โจทก์ จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าให้จำเลยที่ 1 แบ่งสวนหมายเลข 1, 4และ 5 ให้โจทก์ 1 ใน 3 กับแบ่งผลประโยชน์ปี 2497 ให้โจทก์ 250 บาทฯลฯ นอกนี้ยืน

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่าโจทก์ปกครองที่มรดกร่วมมาด้วย แม้ในสวนหมายเลข4, 5 ที่จำเลยที่ 1 จัดให้คนเช่าไปตอนหลังนี้ก็คงจะเข้าใจกันในทางสัมพันธ์เครือญาติว่าจะแบ่งปันผลประโยชน์ต่อกันภายหลังไม่จำเป็นว่าทุก ๆ คนต้องร่วมกันเป็นผู้ตกลงให้เช่า ส่วนที่สวนหมายเลข 1 นั้น เมื่อได้ครอบครองร่วมกันมาแล้วเพียงเมื่อเดือน 7 ปี 2496 จำเลยที่ 1 ห้ามน้องโจทก์มิให้เก็บผลได้สะดวกแต่ต่อนั้นก็ใช่ว่าโจทก์ยอมสงบยังคงติดตามให้คนเข้าเก็บและร้องต่อผู้ใหญ่บ้านกำนันให้จำเลยจัดการแบ่งให้เรื่อยมาจนมาฟ้องต่อเนื่องกันเช่นนี้ไม่ถือว่าขาดอายุความ พิพากษายืน

Share