แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
จ. ทำสัญญากู้ยืมเงินจากจำเลยเมื่อปี 2534 เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในกิจการ จ. โดยโจทก์จดทะเบียนจำนองที่ดินเพื่อประกันการกู้ยืมเงินและหนี้สินอื่นๆ ของโจทก์ และหรือของ จ. ที่มีอยู่แล้วขณะที่ทำสัญญาและที่จะมีขึ้นในภายหน้าต่อจำเลย เป็นการจำนองเพื่อประกันหนี้การกู้ยืมในเรื่องเงินทุน แต่ไม่ใช่เป็นประกันหนี้การกู้ยืมเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์แบบเมนเทแนนส์มาร์จิ้นของ จ. ซึ่งทำในปี 2531 เนื่องจากการกู้ยืมในเรื่องหลักทรัพย์มีหลักเกณฑ์และวิธีการที่ตลาดหลักทรัพย์ประกาศกำหนดไว้ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน เพราะไม่มีหลักเกณฑ์และวิธีการให้นำที่ดินจดทะเบียนจำนองประกันการซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวได้ แต่ให้นำหลักทรัพย์จดทะเบียน พันธบัตร สลากออมสิน มาวางเป็นประกัน และผู้ให้ยืมจะได้เงินกู้ยืมในกรณีนี้คืนเมื่อขายหลักทรัพย์ได้แล้วเท่านั้น ในระหว่างยังมิได้ขายหลักทรัพย์ผู้ให้กู้ยืมจะเรียกให้ผู้กู้ยืมชำระหนี้เงินกู้ยืมไม่ได้ มิฉะนั้นการซื้อขายหลักทรัพย์จะปั่นป่วน คงมีสิทธิเรียกให้ผู้กู้ยืมชำระดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเท่านั้น คู่สัญญาไม่มีเจตนาให้ผูกพันเลยไปถึงเป็นประกันการซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวด้วย เมื่อหนี้เงินทุนระงับแล้วจำนองซึ่งเป็นหนี้อุปกรณ์ย่อมระงับตามไปด้วย และจำเลยต้องส่งมอบหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินให้แก่โจทก์และจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองให้โจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินออกใบแทนโฉนดตราจองใหม่ให้โจทก์โดยจำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย กับให้จำเลยจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองโฉนดตราจองให้โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ในระหว่างพิจารณาคดี ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2545 และศาลชั้นต้นอนุญาตให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าดำเนินคดีแทนจำเลยตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 22 และมาตรา 25
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งมอบโฉนดตราจองที่ตราว่าได้ทำประโยชน์แล้วเลขที่ 5095 เลขที่ดิน 22 หน้าสำรวจ 1170 ตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน (ปราณบุรี) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้แก่โจทก์ กับให้จำเลยจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองโฉนดตราจองดังกล่าวให้โจทก์ โดยให้โจทก์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย หากจำเลยไม่จัดการจดทะเบียดไถ่ถอนการจำนองให้แก่โจทก์ ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาคำขอนอกจากนี้ให้ยกเสีย ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาว่าสัญญาจำนองที่ดินโฉนดตราจองเลขที่ 5095 ตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมสิ่งปลูกสร้าง เป็นประกันหนี้ซื้อขายหลักทรัพย์แบบเมนเทแนนส์มาร์จิ้นของนายจตุพรด้วยหรือไม่ เห็นว่า สัญญาจำนองทำวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2535 มีข้อความต่อท้ายสัญญาจำนองเป็นประกันหนี้อื่นๆ ที่มีอยู่แล้วในขณะทำสัญญาหรือที่จะเกิดขึ้นใหม่ในภายหน้า ที่จำเลยฎีกาว่า ข้อความดังกล่าวมีความหมายว่าคู่สัญญาตกลงให้การจำนองเป็นประกันหนี้ซื้อขายหลักทรัพย์แบบเมนเทแนนส์มาร์จิ้นของนายจตุพรซึ่งทำในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2531 ต่อมามีการเปลี่ยนสัญญาในวันที่ 1 ตุลาคม 2536 ด้วยนั้น ก็ได้ความว่าการกู้ยืมจดทะเบียนจำนองในคดีนี้เป็นการกู้ยืมในเรื่องเงินทุนส่วนการกู้ยืมในเรื่องหลักทรัพย์แบบเมนเทแนนส์มาร์จิ้นมีหลักเกณฑ์และวิธีการที่ตลาดหลักทรัพย์ประกาศกำหนดไว้ ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน กล่าวคือ ไม่มีหลักเกณฑ์และวิธีการให้นำที่ดินจดทะเบียนจำนองเป็นประกันการซื้อขายแบบเมนเทแนนส์มาร์จิ้นได้แต่ให้นำหลักทรัพย์จดทะเบียน พันธบัตร สลากออมสิน มาวางเป็นประกัน และผู้ให้กู้ยืมจะได้เงินกู้ยืมคืนเมื่อขายหลักทรัพย์ได้แล้วเท่านั้น ในระหว่างยังมิได้ขายหลักทรัพย์ผู้ให้กู้ยืมจะเรียกให้ผู้กู้ยืมชำระหนี้เงินกู้ยืมไม่ได้ มิฉะนั้นการซื้อขายหลักทรัพย์จะปั่นป่วนคงมีสิทธิเรียกให้ผู้กู้ยืมชำระดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเท่านั้น สอดคล้องกับนางชุลีพรพยานโจทก์เบิกความประกอบเอกสารหมาย จ.14 ว่า การกู้ยืมชนิดนี้เป็นการกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ประเภทไม่มีกำหนดเวลาชำระหนี้ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการขายหลักทรัพย์และไม่ใช่การกู้ยืมชนิดกำหนดเวลาชำระหนี้เงินคืนภายใน 30 วัน ดังนั้น ที่โจทก์จำเลยทำสัญญาจำนอง คู่สัญญาตั้งใจให้ผูกพันเป็นประกันเฉพาะการกู้ยืมในเรื่องเงินทุนจำนวน 7,000,000 บาท เท่านั้น คู่สัญญาไม่มีเจตนาให้ผูกพันเลยไปถึงเป็นประกันการซื้อขายหลักทรัพย์แบบเมนเทแนนส์มาร์จิ้นด้วย เพราะคู่สัญญาทราบดีว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ให้ทำได้นอกจากนี้ยังไม่มีข้อความเขียนให้ชัดว่าเป็นการประกันหนี้เงินกู้ยืมซื้อหลักทรัพย์แบบเมนเทแนนส์มาร์จิ้น ทั้งที่มีโอกาสเขียนให้ชัดได้ ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อต่อสู้จำเลยว่าการจดทะเบียนจำนองเป็นประกันหนี้ซื้อขายหลักทรัพย์แบบเมนเทแนนส์มาร์จิ้นด้วยนั้นเป็นการบิดเบือนเจตนารมณ์อันแท้จริงของคู่สัญญาแต่แรกให้ผิดไปจากความประสงค์เดิมโดยอาศัยข้อความต่อท้ายสัญญาจำนองที่มีมาดังกล่าวข้างต้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าการจำนองเป็นประกันหนี้เงินกู้ซึ่งเป็นหนี้เงินทุนเพียงอย่างเดียว และหนี้เงินทุนระงับแล้วจำนองซึ่งเป็นหนี้อุปกรณ์ย่อมระงับตามไปด้วย จำเลยจะอ้างไม่ส่งโฉนดเพราะมีหนี้ซื้อขายหลักทรัพย์ค้างชำระอยู่ด้วยหาได้ไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ