คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1160/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตาม ป.พ.พ.ม. 1608 ถ้าเจ้ามรดกจะตัดทายาทไม่ให้รับมรดกจะต้องแสดงเจตนาโดยแจ้งชัด ถ้าไม่มีการระบุเช่นนั้นและปรากฎว่าทายาทนั้นได้รับมรดกจากพินัยกรรม คือเงินจำนวนหนึ่งจึงถือไม่ได้ว่า ทายาทผู้นั้นถูกตัดมิให้รับมรดกตามมาตรา 1608 วรรคท้าย
พินัยกรรมได้ระบุที่ดิน 3 โฉนดให้แก่ทายาทคนหนึ่ง แต่ทายาทคนนั้นตายเสียก่อนเจ้ามรดกที่ดินเหล่านั้นจึงตกเป็นกองมรดกของผู้ตาย ซึ่งจำต้องแบ่งปันแก่ทายาทโดยธรรมของผู้ตายตามส่วน

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๒-๓ เป็นบุตรพระยาวิสูตรสาครดิษฐ์ จำเลยที่ ๑ เป็นหลานพระยาวิสูตร พระยาวิศูตรได้ทำพินัยกรรมไว้เสียก่อนตาย จำเลยได้สมคบกันปิดบังและยักยอกทรัพย์มรดกจึงขอให้ศาลกำจัดจำเลยทั้งสามไม่ให้รับมรดกที่ดินโฉนดที่ ๗๒๘,๗๓๔,๗๖๖, และให้เอาบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องมาแบ่งกัน
จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ได้รับมรดกเพียงเงินจำนวน ๒๐,๐๐๐ บาทเท่านั้น เพราะโจทก์ไม่มีสิทธิรับทรัพย์อื่น
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันว่า โจทก์ถูกตัอไม่ให้เป็นผู้รับมรดก ฟ้องขอแบ่งไม่ได้พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตาม ป.พ.พ.ม. ๑๖๐๘ ว่าถ้าเจ้ามรดกจะตัดทายาทไม่ให้รับมรดก เจ้ามรดกจะต้องแสดงเจตนาโดยแจ้งชัด แต่คดีนี้ไม่ปรากฎว่ามีการระบุเช่นนั้นเลย และปรากฎต่อไปว่าโจทก์ได้รับมรดกจากพินัยกรรม คือเงินจำนวนหนึ่ง จึงถือไม่ได้อีกว่า โจทก์ถูกตัดมิให้รับมรดกตามมาตรา ๑๖๐๘ วรรคท้ายอีกด้วย ที่ศาลล่างพิพากษาว่า โจทก์ถูกตัดมิให้รับมรดก ศาลฎีกาไม่เห็นฟ้องด้วย
พินัยกรรมของพระยาวิสูตรข้อ ๓ ระบุทีดิน ๓ โฉนดให้แก่นางสาวหนุ่ย ๆ ตายเสียก่อนพระยาวิสูตรบิดาที่ดิน ๓ โฉนดจึงกลับเข้าเป็นกองมรดกตกได้แก่โจทก์ ซึ่งเป็นทายาทพระยาวิสูตร ๑ ใน ๕ ส่วน ส่วนทรัพย์ตามบัญชีท้ายฟ้องหมายเลข ๒,๓, ซึ่งนางสาวหนุ่ยมีสิทธิได้อยู่ด้วย นางสาวหนุ่ยตายก่อนเจ้ามรดก ส่วนได้ของนางสางหนุ่ยจึงเป็นมรดก โจทก์จึงมีส่วนได้อีก ๑ ใน ๒๐
พิพากษาแก้ว่า ทรัพย์ตามบัญชีท้ายฟ้องหมายเลข ๑ โจทก์มีส่วนได้ ๑ ใน ๕ ส่วน และทรัพย์ตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องหมายเลข ๒,๓, โจทก์มีส่วนได้ ๑ ใน ๒๐ ส่วน

Share