คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้มีสิทธิร้องคัดค้านการขายทอดตลาด ต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในวิธีบังคับคดีอันเกี่ยวด้วยทรัพย์สินที่บังคับคดี คือเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาในคดีโดยตรง หรือเป็นผู้ที่ชอบจะใช้สิทธิอันได้จดทะเบียนไว้โดยชอบ หรือได้ยื่นคำร้องขอตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 288,289 และ 290อันเกี่ยวกับทรัพย์สินนั้น ผู้ร้องเป็นเพียงผู้สู้ราคาในการขายทอดตลาด มิใช่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี ไม่มีสิทธิร้องคัดค้านการขายทอดตลาด ปัญหานี้เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลแพ่งพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินจำนวน 2,200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ18.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2529 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ ถ้าไม่พอให้ยึดทรัพย์อื่นชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วนกับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ แต่จำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ขอให้บังคับคดีโดยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดิน 3 แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 1 แล้วนำที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวออกขายทอดตลาดชำระหนี้ให้แก่โจทก์นางสาวพรเพ็ญ เทียนสุวรรณ ผู้คัดค้านเป็นผู้สู้ราคาสูงสุดสำหรับที่ดินและสิ่งก่อสร้าง ดังกล่าว เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งให้ขายที่ดินทั้ง 3 แปลง และสิ่งปลูกสร้างแก่ผู้คัดค้าน ผู้ร้องยื่นคำร้องรวม 3 ฉบับ เป็นใจความว่า ผู้ร้องเป็นผู้สู้ราคาในการขายทอดตลาดที่ดินทั้ง 3 แปลงนั้น ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมายเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการขายทอดตลาดที่ดินทั้ง 3 แปลง และสิ่งปลูกสร้างโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมายและระเบียบกฎข้อบังคับของกรมบังคับคดี กล่าวคือ เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ตั้งราคาประมูลที่ดินทั้ง 3 แปลงและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ได้มีผู้สู้ราคาเสนอราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งผู้ร้องเสนอราคาซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีควรจะขานราคาและนับหนึ่ง สองสาม พร้อมเคาะไม้ตามที่ถือปฏิบัติเป็นประเพณี ซึ่งผู้ร้องจะได้สิทธิเป็นผู้ซื้อที่ดินทั้ง 3 แปลงและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวแต่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ปฏิบัติฝ่าฝืนทิ้งช่วงระยะเวลาโดยสอบถามกลุ่มผู้ที่เข้าประมูล ในที่สุดผู้คัดค้านเสนอราคาสูงกว่า แล้วเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขานราคานับหนึ่ง สอง สาม ทันที โดยไม่ได้สอบถามผู้ร้องว่าจะเสนอราคาสูงขึ้นอีกหรือไม่ และไม่ให้โอกาสผู้ร้องคิดคำนวณราคาตัดสินใจเสนอราคาเพิ่ม ทำให้ผู้คัดค้านเป็นผู้ซื้อที่ดินทั้ง 3 แปลง และสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวได้จากการขายทอดตลาดการขายทอดตลาดดังกล่าวไม่ชอบด้วยคำสั่งของกรมบังคับคดี ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินทั้ง 3 แปลง และสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวและให้มีการขายทอดตลาดใหม่
โจทก์คัดค้านว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดโดยปฏิบัติตามประเพณีการขายทอดตลาดถูกต้องแล้ว ก่อนเคาะไม้ขายเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขานราคา นับหนึ่ง สอง หลายครั้ง และก่อนนับสาม ผู้สู้ราคาสามารถเสนอราคาเพิ่มขึ้นได้ แต่ผู้ร้องไม่เสนอราคาเพิ่มขึ้น การขายทอดตลาดชอบแล้วขอให้ยกคำร้อง
ผู้คัดค้านคัดค้านว่า ผู้คัดค้านซื้อที่ดินทั้ง 3 แปลง และสิ่งปลูกสร้างได้จากการขายทอดตลาด เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการขายโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการขายทอดตลาดแล้ว ผู้คัดค้านเป็นผู้เสนอราคาสูงสุดโดยไม่มีผู้ใดเสนอราคาสูงขึ้นอีก การขายทอดตลาดชอบแล้วขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดไต่สวนคำร้อง แล้ววินิจฉัยว่าการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า การที่ผู้ร้องจะมีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์ในคดีนี้ได้ผู้ร้องจะต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในวิธีบังคับคดีอันเกี่ยวด้วยทรัพย์สินที่มีการบังคับคดีในคดีนี้ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280 กล่าวคือ จะต้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้โดยตรงหากเป็นบุคคลอื่นใดก็ต้องเป็นผู้ที่ชอบจะใช้สิทธิอันได้จดทะเบียนไว้โดยชอบ หรือที่ได้ยื่นคำร้องขอตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 288, 289 และ290 อันเกี่ยวกับทรัพย์สินเช่นว่ามานั้น เมื่อผู้ร้องเป็นแต่เพียงผู้สู้ราคาคนหนึ่งในการขายทอดตลาดที่ดินทั้ง 3 แปลงและสิ่งปลูกสร้างในคดีนี้ โดยมิได้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้ ทั้งมิได้เป็นบุคคลผู้ที่ชอบจะใช้สิทธิอันได้จดทะเบียนไว้โดยชอบหรือที่ได้ยื่นคำร้องขอตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา288, 289 และ 290 อันเกี่ยวกับที่ดินทั้ง 3 แปลง และสิ่งปลูกสร้างนั้น ผู้ร้องจึงมิได้เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีนี้ ไม่มีสิทธิร้องคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์ในคดีนี้เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 63/2530 ระหว่างธนาคารกรุงเทพ จำกัดโจทก์ นางเสริมสิริ พิทยาไพบูลย์ ผู้ร้อง นางนภาศรี สิทธิองอาจจำเลย และคำพิพากษาฎีกาที่ 5452/2531 ระหว่างบริษัทไทยสุ่นเส็งเท็กซ์ไทล์ จำกัด โจทก์ นางวิไล อภิชัยนิมิตดีผู้ร้อง ห้างหุ้นส่วนจำกัดกิมซ้งฮงเท็กซไทล์ กับพวก จำเลย ปัญหาเกี่ยวกับอำนาจของผู้ร้องดังกล่าว แม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาขึ้นมา แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ คดีจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาของผู้ร้องต่อไปแต่อย่างไร
พิพากษายืน

Share