แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยกับพวกประสงค์จะหาผู้เสียหายทั้งสองออกไปจากประเทศ ไทย เพื่อการรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรม แต่ จำเลยถูก จับกุมเสียก่อนที่ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ ในขณะที่จำเลยกำลังเข้าแถวขอรับบัตรเลขที่นั่งในเครื่องบินสำหรับจำเลยและผู้เสียหายทั้งสองการกระทำของจำเลยกับพวกดังกล่าว เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการดำเนินการพาผู้เสียหายทั้งสองออกไปจากประเทศ ไทย เพื่อการรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรม เป็นการกระทำที่ใกล้ชิดต่อ ความผิดสำเร็จที่จะเกิดขึ้น จึงต้อง ถือ ว่าการกระทำของจำเลยกับพวกพ้นขั้นตระเตรียมการเข้าสู่การลงมือกระทำความผิดแล้ว หากแต่ ยังไม่สำเร็จเพราะมีเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้เสียก่อน เช่นนี้ ย่อมเป็นความผิดฐาน พยายามพาหญิงออกไปจากประเทศ ไทย เพื่อการรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรม ตามฟ้อง.
ย่อยาว
โจทกืฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 91, 251,252, 263, 264, 265, 268 พระราชบัญญัติว่าด้วยการค้าหญิงและเด็กหญิง พ.ศ. 2471 มาตรา 4 พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 มาตรา 7 ริบของกลางและนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาอื่นของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการค้าหญิงและเด็กหญิง พ.ศ. 2471 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80จำคุก 2 ปี นับโทษต่อจากคดีอื่นของศาลชั้นต้น ริบของกลางคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการค้าหญิงและเด็กหญิง พุทธศักราช 2471 มาตรา 4 วรรคแรกนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยเฉพาะข้อ 2.4 ซึ่งฎีกาว่า การกระทำของจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมายังอยู่ในขั้นตระเตรียมการ ไม่เป็นความผิดฐานพยายามพาหญิงออกไปจากประเทศไทยเพื่อการรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการค้าหญิงและค้าเด็กหญิง พ.ศ. 2471 มาตรา 4วรรคแรก
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการค้าหญิงและเด็กหญิง พ.ศ. 2471 มาตรา 4ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 จำคุก 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการค้าหญิงและเด็กหญิงพ.ศ. 2471 มาตรา 4 วรรคแรก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้ศาลอุทธรณ์เพียงแต่ปรับบทกฎหมายที่ลงโทษจำเลยให้ถูกต้อง เป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกคู่ความฎีกาได้แต่เฉพาะในปัญหาข้อกฎหมายและการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้น ศาลฎีกาจึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยกับพวกพานางสาวสุขำและนางสาวประยงค์ผู้เสียหายทั้งสองเดินทางจากโรงแรม 35 ซอยกิ่งเพชร ถนนเพชรบุรี กรุงเทพมหานครไปยังท่าอากาศยานกรุงเทพ โดยจำเลยกับพวกประสงค์จะพาผู้เสียหายทั้งสองออกไปจากประเทศไทยเพื่อการรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรมแต่จำเลยถูกจับกุมเสียก่อนที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ ในขณะที่จำเลยกำลังเข้าแถวขอรับบัตรเลขที่นั่งในเครื่องบินสำหรับจำเลยและผู้เสียหายทั้งสอง ศาลฎีกาเห็นว่า การกระทำของจำเลยกับพวกดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการดำเนินการพาผู้เสียหายทั้งสองออกไปจากประเทศไทยเพื่อการรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรม เป็นการกระทำที่ใกล้ชิดต่อความผิดสำเร็จที่จะเกิดขึ้นจึงต้องถือว่าการกระทำของจำเลยกับพวกพ้นขึ้นตระเตรียมการเข้าสู่การลงมือกระทำความผิดแล้ว หากแต่ยังไม่สำเร็จเพราะมีเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้เสียก่อน มิฉะนั้นแล้วจำเลยกับพวกก็จะกระทำความผิดต่อไปได้สำเร็จ การที่จำเลยถูกจับเสียก่อนในขณะที่ลงมือกระทำความผิดแล้วเช่นนี้ ย่อมเป็นความผิดฐานพยายามพาหญิงออกไปจากประเทศไทยเพื่อการรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรมตามฟ้องแล้ว…”
พิพากษายืน.