คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1152/2521

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

วัยรุ่นกำลังเดินอยู่ในทางสาธารณะ คนหนึ่งเป็นผู้ต้องหาของตำรวจ มีผู้แจ้งว่าบุคคลเหล่านั้นจะไปทำผิดเป็นเหตุอันควรสงสัยว่าจะทำความผิดและมีอาวุธที่จะนำไปใช้ทำผิด นายตำรวจค้นได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 93 จำเลยขัดขวางโดยยิงตำรวจ เป็นความผิดตาม มาตรา 140,289,80 ลงโทษตาม มาตรา 289,80 ซึ่งเป็นบทหนัก

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1, ที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289, 80, 78 จำคุกคนละ 33 ปี 8 เดือน ปรับคนละ 50 บาท ตามมาตรา 371, 78 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำคุกจำเลยที่ 3 ตามมาตรา 140 มีกำหนด 3 ปี 4 เดือน โจทก์และจำเลยที่ 3 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ที่จำเลยที่ 3 ฎีกาว่า ร้อยตำรวจตรีระพีพัฒน์กับพวกเพียงแต่ขอตรวจค้นเท่านั้น การกระทำของจำเลยที่ 3 จึงไม่ใช่เป็นการขัดขวางการจับกุมของเจ้าพนักงานนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำที่จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 และ 140คือการต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่หรือการต่อสู้หรือขัดขวางผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหน้าที่ เมื่อมีคนมาแจ้งว่าวัยรุ่น 5-6 คนกำลังเดินไปทางซอยวัดใหม่ตาสุด สงสัยว่าจะไปกระทำความผิด และเมื่อร้อยตำรวจตรีสุรเจตน์กับพวกไปที่ซอยวัดใหม่ตาสุดก็เห็นจำเลยทั้งสามกับพวกเดินอยู่ในทางสาธารณะประกอบกับจำเลยที่ 1 เป็นผู้ต้องหาของสถานีตำรวจนครบาลบางยี่เรือ จำเลยทั้งสามกับพวกจึงเป็นผู้ที่ร้อยตำรวจตรีสุรเจตน์กับพวกสงสัย โดยมีเหตุสมควรว่าจำเลยทั้งสามกับพวกจะไปกระทำความผิดและมีอาวุธที่จะนำไปใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งมีเหตุที่จะค้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 93 การที่ร้อยตำรวจตรีสุรเจตน์และร้อยตำรวจตรีระพีพัฒน์บอกจำเลยทั้งสามกับพวกว่า เป็นเจ้าพนักงานตำรวจขอตรวจค้น เป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่ของตนเมื่อจำเลยที่ 3 ขัดขวางไม่ยอมให้ร้อยตำรวจตรีระพีพัฒน์ค้นตัว การกระทำของจำเลยที่ 3 จึงเป็นความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ แต่จำเลยที่ 3 อายุเพียง 19 ปี สมควรลดมาตราส่วนโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76”

พิพากษาแก้ จำเลยที่ 3 มีความผิดตามมาตรา 289, 80, 150จำคุกตามมาตรา 289, 80 บทหนัก 22 ปี 2 เดือน 20 วัน

Share