คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1150/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินมีโฉนดโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 มีสิทธิยื่นคำร้องขอฝ่ายเดียว เพื่อให้ศาลไต่สวนแสดงว่าตนมีกรรมสิทธิ์เฉพาะส่วนในโฉนดนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 188 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 109/2506)

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๐๕ มีเนื้อที่ ๔ ไร่ ๑ งาน ๔๘ ตารางวา ตั้งอยู่ที่ตำบลระเงง อำเภอทุ่งคา (เมือง) จังหวัดภูเก็ต มีชื่อนายพุ่มกับนางสาวสิวกิมถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน เมื่อ ๓๖ ปีมาแล้ว นายพุ่มขายที่ดินเฉพาะส่วนของตนจำนวน ๒ ไร่ ๗๔ ตารางวา ให้แก่นางใช้หุนมารดาสามีผู้ร้อง นางใช้หุนตาย ผู้ร้องกับบุตรได้ครอบครองต่อมาโดยสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมา ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ ขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒
ศาลชั้นต้นประกาศนัดไต่สวน ไม่มีผู้ใดคัดค้าน
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วเห็นว่า คดียังฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องได้ครอบครองปรปักษ์ อันจะเป็นเหตุให้ได้กรรมสิทธิ์ตามกฎหมายสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า พยานผู้ร้องฟังได้ว่าที่ดินส่วนของนายพุ่มนี้ผู้ร้องครอบครองโดยสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อมาจนบัดนี้เกิน ๑๐ ปีแล้ว ส่วนที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าต้องให้ผู้ร้องฟ้องเป็นคดีมีข้อพิพาทขึ้นมานั้น ตามกฎหมายผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอฝ่ายเดียวเพื่อให้ศาลไต่สวนแสดงว่าตนมีกรรมสิทธิ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๘๘ หากมีผู้โต้แย้งสิทธิคัดค้านขึ้นมา จึงจะกลายเป็นคดีมีข้อพิพาทตามแบบอย่างคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๙/๒๕๐๖
พิพากษากลับว่าที่ดินโฉนดเฉพาะส่วนของนายพุ่มตามคำร้องเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒

Share