คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1150/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ไม้ซึ่งแต่แรกจำเลยได้รับอนุญาตให้ทำ และมีไว้โดยชอบนั้นถ้าจำเลยจะมีไม้นั้นซึ่งได้แปรรูปแล้วไว้ในครอบครองต่อไป จำเลยก็ต้องได้รับอนุญาตอีกชั้นหนึ่ง มิฉะนั้นเป็นผิดตามมาตรา 48 การถากซ้อมไม้นั้นเป็นเสาโดยไม่ได้ขออนุญาต ไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 50(1)จำเลยจึงมีความผิดฐานแปรรูปไม้ตามมาตรา 48 ด้วย และไม้นั้นเป็นไม้ที่มีไว้เนื่องจากการกระทำผิดพระราชบัญญัติป่าไม้ฯต้องริบตามมาตรา 74(อ้างฎีกาที่ 1551/2497)
จำเลยกระทำผิด 2 กระทง คือ ฐานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตและฐานมีไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลล่างลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 2,000 บาท แล้วลดรับสารภาพ ก็เห็นได้ว่า ลงโทษมาเฉพาะกระทงเดียว ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 73(2) แก้ไขโดย (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 แล้ว เพราะความผิดแต่ละกระทง โทษหนักเท่ากัน ศาลจะลงโทษกระทงใดกระทงหนึ่งแต่กระทงเดียวก็ได้ (อ้างฎีกาที่ 167/2507)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจทำการแปรรูปไม้เต็งและไม้รังรวม 100 ท่อน เนื้อไม้ 50.06 ลูกบาศก์เมตร อันเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก.แล้วจำเลยบังอาจมีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันเป็นไม้แปรรูปดังกล่าว โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ขอให้ลงโทษ

จำเลยให้การรับสารภาพว่า ได้ทำการแปรรูปไม้โดยไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตจริงแต่ไม้ของกลางเป็นไม้ที่จำเลยได้รับอนุญาตให้ทำไม้แล้วและได้เสียค่าภาคหลวงแล้ว จำเลยทำการแปรรูปไม้โดยถากซ้อมทำเป็นเสาโดยไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าพนักงานเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ขอให้ลงโทษสถานเบา และคืนไม้ของกลาง

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 73, 74 และพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 17, 18 ให้จำคุก 6 เดือน ปรับ 2,000 บาทลดรับกึ่ง มาตรา 78 จำคุก 3 เดือน ปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกรอ 1 ปี ริบไม้ของกลาง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ไม้รายนี้ แม้จำเลยได้รับอนุญาตให้ทำและมีไว้แต่แรกโดยชอบก็ตาม ถ้าจำเลยจะมีไม้รายนี้ซึ่งได้แปรรูปแล้วไว้ในครอบครองต่อไป จำเลยก็ต้องได้รับอนุญาตอีกชั้นหนึ่ง มิฉะนั้นจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 และที่จำเลยอ้างว่าจำเลยเพียงแต่ถากซ้อนไม้เป็นเสานั้น จำเลยก็ให้การรับว่าจำเลยไม่ได้ขออนุญาตต่อเจ้าพนักงาน จำเลยย่อมทำไม่ได้ จำเลยจะกระทำได้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 50(1) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2494 มาตรา 13 ก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตด้วยแล้ว จำเลยจึงผิดตามมาตรา 48 ด้วยไม้ของกลางจึงเป็นไม้ที่มีไว้เนื่องจากการกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ ต้องริบตามมาตรา 74 ดังศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้แล้วในฎีกาที่ 1551/2497 แต่สมควรกล่าวไว้ด้วยว่าจำเลยกระทำการอันเป็นความผิด 2 กระทงคือ ฐานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตกระทงหนึ่งและฐานมีไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกระทงหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 2,000 บาท แล้วลดรับสารภาพ ก็เห็นได้ว่าได้ลงโทษมาเฉพาะกระทงเดียวตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 73(2) แก้ไขโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 อันเป็นการชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 แล้ว เพราะความผิดของจำเลยแต่ละกระทงดังกล่าวมีโทษหนักเท่ากัน ศาลจะลงโทษกระทงใดกระทงหนึ่งแต่กระทงเดียวก็ได้ นัยฎีกาที่ 167/2507 ไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

พิพากษายืน

Share