คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11490/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเพื่อเป็นการนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายเรื่องเขตอำนาจศาล เมื่ออุทธรณ์ของจำเลยในเรื่องนี้มิได้มีการยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้จึงเป็นการไม่ชอบ แม้จำเลยยังคงฎีกาต่อมาฎีกาของจำเลยก็เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงิน 144,986.69 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 139,472 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 139,472 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีแต่ดอกเบี้ยทั้งหมดคิดถึงวันฟ้องวันที่ 6 กันยายน 2547 ต้องไม่เกิน 5,514.69 บาทกับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 600 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยฎีกาเพียงประเด็นเดียวว่า จำเลยได้สั่งจ่ายเช็คและโจทก์ได้ไปรับเช็คพิพาททั้งแปดฉบับที่บ้านของจำเลยซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดนนทบุรี มูลคดีนี้จึงเกิดขึ้นที่จังหวัดนนทบุรี โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้น คือ ศาลแขวงดุสิตซึ่งเป็นศาลที่ธนาคารตามเช็คพิพาททั้งแปดฉบับตั้งอยู่ในเขตอำนาจศาลนั้น ข้อเท็จจริงปรากฏตามคำให้การของจำเลยว่า จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ว่า จำเลยได้สั่งจ่ายเช็คและโจทก์ได้ไปรับเช็คพิพาททั้งแปดฉบับที่บ้านของจำเลยที่จังหวัดนนทบุรี จึงทำให้ไม่มีประเด็นในการพิจารณาของศาลชั้นต้นว่า มูลคดีนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดนนทบุรีหรือไม่ ต่อมาเมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว จำเลยจึงเพิ่งอุทธรณ์ว่า จำเลยได้สั่งจ่ายเช็คและโจทก์ได้ไปรับเช็คพิพาททั้งแปดฉบับที่บ้านของจำเลยที่จังหวัดนนทบุรีมูลคดีนี้จึงเกิดขึ้นที่จังหวัดนนทบุรี แต่การที่จำเลยได้สั่งจ่ายเช็คและโจทก์ได้ไปรับเช็คพิพาททั้งแปดฉบับที่บ้านของจำเลยที่จังหวัดนนทบุรีหรือไม่นั้นเป็นข้อเท็จจริง อุทธรณ์ของจำเลยจึงเป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง โดยเป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายเรื่องเขตอำนาจศาล เมื่ออุทธรณ์ของจำเลยในเรื่องนี้มิได้มีการยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยในเรื่องนี้ และศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยให้จึงเป็นการไม่ชอบ แม้จำเลยยังคงฎีกาต่อมา ฎีกาของจำเลยก็เป็นการฎีกาในข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตามมาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในส่วนที่ได้วินิจฉัยเรื่องเขตอำนาจศาลและให้ยกฎีกาจำเลย คงให้บังคับไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดแก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกานอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ

Share