คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1147/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยฎีกาเพียงว่า ที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า การกำหนดเงินค่าทดแทนที่ดินของจำเลยเป็นไปโดยถูกต้องเป็นธรรมตามกฎหมายหรือไม่ หากไม่เป็นธรรมจำเลยจะต้องจ่ายเงินค่าทดแทนและดอกเบี้ยเพียงใดนั้นไม่ถูกต้อง จำเลยมิได้ฎีกาโต้แย้งคัดค้านว่าหากการกำหนดประเด็นข้อพิพาทดังกล่าวไม่ถูกต้องจะทำให้ผลของคำวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงไปเป็นคุณแก่จำเลยอย่างใด ฎีกาของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
คดีนี้มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่า การกำหนดเงินค่าทดแทนที่ดินให้แก่โจทก์ถูกต้องเป็นธรรมและชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ศาลชอบที่จะตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของการกระทำของคณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้นฯ และจำเลยซึ่งเป็นองค์กรทางฝ่ายปกครองได้ แม้โจทก์นำสืบไม่ได้ว่าราคาที่ดินของโจทก์มีราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาดตามที่โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องก็หาได้หมายความว่าศาลจะต้องพิพากษายกฟ้อง หากพิจารณาได้ความว่าการกำหนดเงินค่าทดแทนที่ดินให้แก่โจทก์ไม่ถูกต้องเป็นธรรม ศาลก็ชอบที่จะกำหนดเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มให้แก่โจทก์ได้ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 มาตรา 21 และ 26

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 291,438,038 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 12.5 ต่อปี ของต้นเงิน 205,721,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสี่
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงิน 29,063,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 12.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2535 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสี่ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสี่ โดยกำหนดค่าทนายความ 50,000 บาท
โจทก์ทั้งสี่และจำเลยอุทธรณ์
ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ที่ 1 ถึงแก่กรรม นายกันตธีร์ทายาทของโจทก์ที่ 1 ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลอุทธรณ์อนุญาต
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจำของธนาคารออมสินในจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้น แต่ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 12.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2535 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสี่และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าการกำหนดค่าทดแทนที่ดินของจำเลยเป็นไปโดยถูกต้องเป็นธรรมตามกฎหมายหรือไม่ หากไม่เป็นธรรมจำเลยจะต้องจ่ายค่าทดแทนและดอกเบี้ยเพียงใด ไม่ถูกต้องนั้น เห็นว่า จำเลยมิได้ฎีกาโต้แย้งคัดค้านว่าหากการกำหนดประเด็นข้อพิพาทดังกล่าวไม่ถูกต้องจะทำให้ผลของคำวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงไปเป็นคุณแก่จำเลยอย่างใด ฎีกาของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
ในคดีเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ศาลชอบที่จะตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของการกระทำของคณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้นฯ และจำเลยซึ่งเป็นองค์กรทางฝ่ายปกครองได้ หาได้หมายความว่าเมื่อโจทก์ทั้งสี่นำสืบถึงราคาที่โจทก์ทั้งสี่อ้างในคำฟ้องไม่ได้แล้วศาลจะต้องพิพากษายกฟ้องโจทก์ดังที่จำเลยฎีกาแต่ประการใดไม่ ในคดีเช่นนี้หากพิจารณาได้ความว่าการกำหนดเงินค่าทดแทนที่ดินให้แก่โจทก์ทั้งสี่ไม่ถูกต้องเป็นธรรมและโจทก์ทั้งสี่มีสิทธิที่จะได้รับเงินค่าทดแทนเพิ่มขึ้น ศาลก็ย่อมชอบที่จะกำหนดค่าทดแทนที่เพิ่มขึ้นให้แก่โจทก์ทั้งสี่ได้ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 มาตรา 21 และมาตรา 26
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินค่าทดแทนเพิ่มให้แก่โจทก์ทั้งสี่อีก 16,811,500 บาท (สิบหกล้านแปดแสนหนึ่งหมื่นหนึ่งพันห้าร้อยบาท) พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจำของธนาคารออมสินในจำนวนเงินค่าทดแทนที่เพิ่มขึ้นแต่ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 12.5 ต่อปี ตามที่โจทก์ทั้งสี่ขอนับแต่วันที่ 12 มกราคม 2536 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยชำระค่าขึ้นศาลเฉพาะในศาลชั้นต้นแทนโจทก์ทั้งสี่เท่าที่โจทก์ทั้งสี่ชนะคดีในชั้นฎีกา ให้คืนค่าขึ้นศาลในแต่ละชั้นศาลในส่วนที่โจทก์ทั้งสี่ชำระค่าขึ้นศาลเกิน 200,000 บาท ให้แก่โจทก์ทั้งสี่ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share