คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11445/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อมีกฎหมายใหม่กำหนดเงื่อนไขในการขอคืนของกลางตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 30 วรรคสี่ ผู้คัดค้านก็ต้องปฏิบัติตามบทกฎหมายดังกล่าว กล่าวคือ ต้องพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าว จึงจะขอให้ปล่อยทรัพย์สินได้ ลำพังผู้คัดค้านไม่รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 36 แต่เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะขอคืนของกลางได้

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องขอให้มีคำสั่งริบรถจักรยานยนต์ของกลางให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 30, 31
ศาลชั้นต้นได้สั่งให้ประกาศในหนังสือพิมพ์ตามกฎหมายแล้ว
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้คืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่ผู้คัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง แต่ให้คืนแก่ผู้คัดค้าน
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า วันที่ 20 กันยายน 2547 สายลับได้แจ้งให้ร้อยตำรวจเอกอรรถพล ทราบว่า ในวันเดียวกันนี้เวลาประมาณ 7.30 นาฬิกา นายธีระพันธ์หรือบอย จะมาส่งเมทแอมเฟตามีนให้แก่ลูกค้าท้ายซอยหางหนู ร้อยตำรวจเอกอรรถพลจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นได้เรียกประชุมวางแผนจับกุมโดยแยกย้ายกันไปดักซุ่มตามที่ได้นัดหมายกันไว้ โดยมีสายลับร่วมเดินทางไปด้วย จนกระทั่งเวลาประมาณ 7.30 นาฬิกา นายธีระพันธ์ขับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่าสีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาจอดบริเวณจุดเกิดเหตุ สายลับได้ชี้ยืนยันร้อยตำรวจเอกอรรถพลกับพวกจึงเข้าแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจขอทำการตรวจค้น จ่าสิบตำรวจปริพลเป็นผู้ค้นตัวนายธีระพันธ์พบเมทแอมเฟตามีน 30 เม็ดบรรจุรวมอยู่ในหลอดพลาสติกใสปิดหัวท้ายด้วยความร้อน 1 หลอด ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้าร่มด้านซ้ายที่นายธีระพันธ์สวมใส่อยู่ นายธีระพันธ์รับว่าเมทแอมเฟตามีนเป็นของตนรับมาจากนายเบิร์ด ไม่ทราบชื่อสกุลจริง เพื่อนำมาจำหน่ายให้แก่ลูกค้าในราคาเม็ดละ 150 บาท โดยได้รับค่าจ้างครั้งละประมาณ 1,000 บาท และรับว่ารถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเป็นพาหนะในการรับส่งเมทแอมเฟตามีน ซึ่งรวมทั้งเมทแอมเฟตามีนของกลางในคดีนี้ ในชั้นจับกุมและสอบสวน นายธีระพันธ์ให้การรับสารภาพในข้อหามีเมทแอมเฟตามีน 30 เม็ด น้ำหนักรวม 2.84 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 832.68 มิลลิกรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ต่อมาผู้ร้องยื่นฟ้องนายธีระพันธ์และศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกนายธีระพันธ์ คดีถึงที่สุดแล้ว ส่วนรถจักรยานยนต์ที่นายธีระพันธ์ขับมานั้นหมายเลขทะเบียน พฉว กรุงเทพมหานคร 73 เป็นรถของผู้คัดค้านที่ให้นางสาวขวัญฤทัย มารดาของนายธีระพันธ์เช่าซื้อเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2547 ผู้คัดค้านมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของนายธีระพันธ์
มีข้อวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ต้องริบรถจักรยานยนต์หรือไม่ โดยผู้ร้องฎีกาว่า ผู้คัดค้านนำสืบพิสูจน์ไม่ได้ตามข้อสันนิษฐานของกฎหมาย จึงต้องริบรถจักรยานยนต์ของผู้คัดค้านนั้น เห็นว่า เดิมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 บัญญัติถึงการขอคืนของกลางแต่เพียงว่า เจ้าของทรัพย์สินมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิด ก็ขอคืนของกลางได้ แต่ต่อมาได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 ซึ่งมีหมายเหตุว่า เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติดังกล่าว คือ เพื่อให้การปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นจำเป็นต้องมีการกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการปราบปรามผู้กระทำผิดตามกฎหมายดังกล่าวขึ้นโดยเฉพาะ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ จากหมายเหตุดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า กฎหมายที่มีอยู่เดิมไม่สามารถแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษได้ เมื่อกฎหมายใหม่กำหนดเงื่อนไขในการขอคืนของกลางแตกต่างจากประมวลกฎหมายอาญาจึงต้องยึดถือตามกฎหมายใหม่ ดังนั้น พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 30 วรรคสี่ บัญญัติว่า “…ในกรณีที่ปรากฏเจ้าของ แต่เจ้าของไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าตนไม่มีโอกาสทราบหรือไม่มีเหตุอื่นควรสงสัยว่าจะมีการกระทำความผิดและจะมีการนำทรัพย์สินดังกล่าวไปใช้ในการกระทำความผิด หรือได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดหรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด ให้ศาลสั่งริบทรัพย์สินดังกล่าว…” ผู้คัดค้านก็ต้องปฏิบัติตามบทกฎหมายดังกล่าว กล่าวคือต้องพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าวจึงจะขอให้ปล่อยทรัพย์สินได้ ลำพังผู้คัดค้านไม่รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 แต่เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะขอคืนของกลางได้ ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ริบรถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน พฉว กรุงเทพมหานคร 73 ให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด

Share