แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เป็นประธานกรรมการบริษัทจำเลยและเป็นเจ้าของที่ดินและตึกซึ่งบริษัทจำเลยเช่าอยู่ โจทก์ได้ทำสัญญาจะขายที่ดินและตึกให้แก่ผู้ซื้อ โดยมีเงื่อนไขเป็นสาระสำคัญว่า โจทก์รับรองจะให้บริษัทจำเลยออกจากตึกและให้ผู้ซื้อเข้าครอบครองที่ดินและตึกภายใน 3 เดือน นับแต่วันทำสัญญา ถ้าโจทก์ไม่สามารถปฏิบัติได้ โจทก์ยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นเงิน 160,000 บาท โจทก์ได้แจ้งให้บริษัทจำเลยออกจากที่ดินและตึกภายใน 3 เดือน ก่อนครบกำหนด 3 เดือนเพียง 1 วันโจทก์จึงได้แจ้งให้บริษัทจำเลยทราบว่า ถ้าโจทก์ส่งมอบที่ดินและตึกให้แก่ผู้ซื้อไม่ได้ตามกำหนด โจทก์จะถูกผู้ซื้อเรียกค่าเสียหายดังนี้ถือว่าโจทก์เป็นประธานกรรมการบริษัทจำเลยมีหน้าที่จะต้องใช้ความเอื้อเฟื้อสอดส่องอย่างบุคคลค้าขายผู้ประกอบด้วยความระมัดระวังตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1167 โจทก์กลับปกปิดความจริงเรื่องที่จะต้องถูกผู้ซื้อที่ดินและตึกเรียกค่าเสียหาย เพิ่งแจ้งให้บริษัททราบต่อเมื่ออีก 1 วัน จะต้องถูกผู้ซื้อปรับการกระทำของโจทก์เป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ผิดวิสัยบุคคลค้าขายผู้ประกอบด้วยความระมัดระวังจะพึงปฏิบัติ ทำให้บริษัทจำเลยและผู้ถือหุ้นทั้งหลายต้องเสียหาย โจทก์จะนำผลแห่งความละเมิดของตนมาฟ้องร้องเรียกเบี้ยปรับที่โจทก์ต้องเสียแก่ผู้ซื้อไปและค่าเสียหายอื่นๆ จากบริษัทจำเลยหาได้ไม่
ค่าสินไหมทดแทนในการที่ผู้เช่าออกจากสถานที่เช่าเนิ่นช้า นั้น ตามธรรมดาควรจะเป็นจำนวนเงินเท่ากับค่าเช่าเป็นรายวัน ส่วนค่าเสียหายอื่นนอกจากนี้นับว่าเป็นค่าเสียหายในพฤติการณ์พิเศษ ซึ่งผู้เช่าจะต้องรู้ถึงความเสียหายพิเศษนี้ในระยะเวลาอันสมควรก่อนที่ตกลงไว้ว่าจะออกจากสถานที่เช่า ผู้ให้เช่าจึงจะเรียกร้องค่าเสียหายในพฤติการณ์พิเศษนี้จากผู้เช่าได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เดิมบริษัทจำเลยที่ 1 ได้เช่าตึกของโจทก์โดยมิได้ทำสัญญาเป็นหนังสือ ต่อมาโจทก์จะขายที่ดินและตึกดังกล่าวจึงบอกเลิกการเช่าและให้จำเลยย้ายไปที่อื่นภายใน 3 เดือน เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2498 โจทก์ได้ทำหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินและตึกให้แก่นายจรูญ สีบุญเรือง ในราคา 1,600,000 บาท โดยมีเงื่อนไขเป็นสาระสำคัญว่า โจทก์รับรองจะให้จำเลยออกจากตึกและให้นายจรูญเข้าครอบครองที่ดินและตึกภายใน 3 เดือน นับแต่วันทำสัญญา มิฉะนั้นจะต้องใช้ค่าปรับ 160,000 บาท จำเลยขืนครอบครองตึกเป็นเหตุให้ส่งมอบตึกให้นายจรูญไม่ได้ตามกำหนด โจทก์จึงฟ้องเรียกเบี้ยปรับที่โจทก์ต้องเสียแก่นายจรูญและค่าเสียหายอื่น ๆ อีก
จำเลยให้การว่า จำเลยได้เช่าตึกของโจทก์จริง โจทก์เป็นผู้เริ่มตั้งบริษัทจำเลย เป็นผู้ถือหุ้นจำนวนมาก และเป็นประธานกรรมการบริษัทจำเลยตลอดมา โจทก์กระทำการไม่สุจริตเพราะโกรธเคืองบริษัทจำเลยไม่ซื้อที่ดินและตึกของโจทก์ โจทก์จึงหาทางแกล้งฟ้องจำเลยและปฏิเสธความรับผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินให้โจทก์ 160,000 บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ย และยกฟ้องจำเลยที่ 2
โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 เสียด้วย นอกนั้นยืนตาม
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ในคดีนี้เป็นบุคคลที่อยู่ใน 2 ฐานะ คือ เป็นเจ้าของผู้ให้เช่าที่ดินและตึกพิพาทฐานะหนึ่ง และเป็นประธานกรรมการบริษัทจำกัดอีกฐานหนึ่ง โจทก์ในฐานะที่เป็นกรรมการบริษัทของจำเลยจึงมีหน้าที่จะต้องใช้ความเอื้อเฟื้อสอดส่องอย่างบุคคลค้าขายผู้ประกอบด้วยความระมัดระวังตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1167 เพื่อประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้นทั้งหลาย เป็นหน้าที่ที่กฎหมายบังคับไว้ ส่วนเรื่องค่าสินไหมทดแทนในการที่จำเลยออกจากสถานที่เช่าเนิ่นช้านั้น ตามธรรมดาควรจะเป็นจำนวนเงินเท่ากับค่าเช่าเป็นรายวันไป ค่าเสียหายอื่นนอกจากนี้นับว่าเป็นค่าเสียหายในพฤติการณ์พิเศษ ซึ่งผู้เช่าจะต้องรู้ถึงความเสียหายพิเศษนี้ในระยะเวลาอันสมควรก่อนวันที่ตกลงไว้ว่าจะออกจากสถานที่เช่า โจทก์ได้ทราบความเสียหายพิเศษนี้ดีอยู่แล้ว โจทก์ทำสัญญายอมให้นายจรูญปรับ ถ้าส่งมอบที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไม่ได้ภายใน 3 เดือนนับแต่วันที่ 30พฤษภาคม 2498 ซึ่งจะครบ 3 เดือนในวันที่ 30 สิงหาคม 2498 โจทก์เพิ่งแจ้งความเสียหายในพฤติการณ์พิเศษนี้ไปถึงทางการของบริษัทจำเลยให้ทราบเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2498 โจทก์ปกปิดความจริงอันควรบอกให้แจ้งเพื่อป้องกันความเสียหายของบริษัทจำเลยซึ่งตนเป็นประธานกรรมการอยู่ตลอดเวลา 3 เดือน เพิ่งบอกแจ้งให้ทางการบริษัททราบเมื่ออีก 1 วัน จะต้องถูกนายจรูญปรับ ทางการบริษัทไม่สามารถขนย้ายได้ทัน ในวันที่ 3 กันยายน 2498 โจทก์ได้ชำระเงิน 160,000 บาทและเงินมัดจำที่ว่าได้รับไว้ให้นายจรูญทันที การกระทำของโจทก์ในฐานะประธานกรรมการของบริษัทจำเลยเป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ผิดวิสัยของบุคคลค้าขายผู้ประกอบด้วยความระมัดระวังจะพึงปฏิบัติ ทำให้บริษัทและผู้ถือหุ้นทั้งหลายต้องเสียหาย โจทก์จะนำผลแห่งความละเมิดของตนมาฟ้องร้องเอาประโยชน์จากบริษัทจำเลยไม่ได้
พิพากษายืน