แหล่งที่มา : ADMIN
ย่อสั้น
ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีระหว่างโจทก์จำเลยคดีนี้และคดีถึงที่สุดแล้วว่าให้จำเลยรื้อสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่พิพาทและห้ามจำเลยกับบริวารเข้าเกี่ยวข้องคำพิพากษาจึงมีผลบังคับถึงบริวารของจำเลยด้วยเมื่อศาลชั้นต้นได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาก็ได้ระบุไว้ในคำบังคับด้วยว่าห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาทเมื่อผู้ร้องทั้งสี่ยื่นคำร้องขออ้างว่าตนมิได้เป็นบริวารของจำเลยและสิ่งปลูกสร้างกับที่พิพาทนี้เป็นของผู้ร้องทั้งสี่มิใช่ของโจทก์จึงเป็นการตั้งข้อพิพาทกับโจทก์ในชั้นบังคับคดีกรณีจึงเป็นเรื่องผู้ร้องทั้งสี่มีสิทธิร้องขอต่อศาลได้โดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา7(2),296ชอบที่จะรับคำร้องขอของผู้ร้องไว้พิจารณา.
ย่อยาว
กรณี สืบเนื่อง จาก โจทก์ ฟ้อง ขับไล่ จำเลย ออก จาก ที่พิพาทศาลชั้นต้น และ ศาลอุทธรณ์ พิพากษา ให้ ขับไล่ จำเลย และ บริวาร คดีถึง ที่สุด แล้ว ศาลชั้นต้น ได้ ออก หมาย บังคับ คดี แก่ จำเลยผู้ร้อง ทั้ง สี่ ยื่น คำร้อง ขอ ว่า ผู้ร้อง ทั้ง สี่ เป็น บุตร ของจำเลย แต่ มิใช่ บริวาร ของ จำเลย ที่พิพาท เป็น มรดก แก่ จำเลย และผู้ร้อง ทั้ง สี่ จน กระทั่ง เมื่อ ประมาณ พ.ศ. 2505-2506 จำเลยได้ ยก ที่พิพาท ส่วน ของ จำเลย ให้ แก่ ผู้ร้อง ทั้ง สี่ เมื่อพ.ศ. 2511 นาย วินัย เลขะกุล ได้ ขอ ออก โฉนด ที่พิพาท โดย ไม่ สุจริตและ ไม่ ชอบ ด้วย กฎหมาย แล้ว โอน ให้ แก่ นาง พัชรี จงเลิศวณิชกุลโดย ไม่ สุจริต ซึ่ง ต่อมา นาง พัชรี ได้ จด ทะเบียน โอน ให้ แก่ โจทก์โดย ไม่ สุจริต และ ไม่ เสีย ค่า ตอบแทน ขอ ให้ พิพากษา ว่า ผู้ร้องทั้ง สี่ มิใช่ บริวาร ของ จำเลย และ มี สิทธิ ครอบครอง ที่พิพาทขอ ให้ เพิกถอน การ ออก โฉนด และ พิพากษา ว่า ที่ พิพาท เป็น กรรมสิทธิ์ของ ผู้ร้อง ทั้ง สี่
โจทก์ ยื่น คำแถลง คัดค้าน ว่า ผู้ร้อง ทั้ง สี่ เป็น บุตร ของ จำเลยย่อม เป็น บริวาร ของ จำเลย ผู้ร้อง ทั้ง สี่ จะ ยก การ ได้ กรรมสิทธิ์โดย การ ครอบครอง ปรปักษ์ มา ใช้ ยัน โจทก์ ไม่ ได้ คำพิพากษา คดีนี้ผูกพัน ผู้ร้อง ทั้ง สี่ ด้วย ขอ ให้ ยก คำร้อง
ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ไม่ อนุญาต ให้ ผู้ร้อง ทั้ง สี่ ร้องสอด
ผู้ร้อง ทั้ง สี่ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
ผู้ร้อง ทั้ง สี่ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า ปัญหา มี ว่า มี เหตุ ควร รับ คำร้อง ขอ ของผู้ร้อง ทั้ง สี่ ไว้ พิจารณา หรือไม่ พิเคราะห์ แล้ว เห็นว่าศาลอุทธรณ์ ได้ พิพากษา คดี ระหว่าง โจทก์ จำเลย ใน คดี นี้และ คดีถึง ที่สุด แล้ว ว่า ให้ จำเลย รื้อ สิ่ง ปลูกสร้าง ออก ไป จาก ที่พิพาทและ ห้าม จำเลย กับ บริวาร เข้า เกี่ยวข้อง คำพิพากษา นี้ จึง มี ผลบังคับ ถึง บริวาร ของ จำเลย ด้วย เมื่อ ศาลชั้นต้น ได้ ออก คำบังคับฉบับ ลง วันที่ 24 พฤศจิกายน 2525 ให้ จำเลย ปฏิบัติ ตาม คำพิพากษาก็ ได้ ระบุ ไว้ ใน คำบังคับ ด้วย ว่า ห้าม จำเลย และ บริวาร เข้าเกี่ยวข้อง กับ ที่พิพาท เมื่อ ผู้ร้อง ทั้ง สี่ ยื่น คำร้อง ขอ อ้างว่า ตน มิได้ เป็น บริวาร ของ จำเลย และ สิ่งปลูกสร้าง กับ ที่พิพาทนี้ เป็น ของ ผู้ร้อง ทั้ง สี่ มิใช่ ของ โจทก์ จึง เป็น การ ตั้งข้อ พิพาท กับ โจทก์ ใน ชั้น บังคับ คดี กรณี จึง เป็น เรื่อง ผู้ร้องทั้ง สี่ มี สิทธิ ร้อง ขอ ต่อ ศาล ได้ โดย อาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 7 (2), 296 ชอบ ที่ จะ รับคำร้อง ขอ ของ ผู้ร้อง ทั้ง สี่ ไว้ พิจารณา
พิพากษา กลับ ให้ รับ คำร้อง ขอ ของ ผู้ร้อง ทั้ง สี่ ไว้ พิจารณาต่อไป.