แหล่งที่มา : ADMIN
ย่อสั้น
ผู้ตายกับจำเลยเป็นข้าราชการตำรวจสถานีเดียวกันมีเรื่องโกรธเคืองกันอย่างรุนแรงมาก่อนคืนเกิดเหตุมีงานเลี้ยงที่หอประชุมเมื่องานเลิกแล้วผู้ตายพบจำเลยที่หน้าหอประชุมผู้ตายเดินเข้าไปหาจำเลยโดยประสงค์ร้ายพร้อมกับพูดว่า’วันนี้เป็นวันตายของมึง’และมีตำรวจด้วยกันเดินเข้าไปด้วยจำเลยเดินถอยหลังผู้ตายเดินตามและชักปืนพกออกมาจำเลยเดินถอยหลังไปจนติดหอประชุมจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย1นัดถือได้ว่าจำเลยได้กระทำเพื่อป้องกันชีวิตของตนให้พ้นจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงพอสมควรแก่เหตุส่วนที่มีการด่าทอและกล่าวคำผรุสวาทกันก่อนเมื่อจำเลยมิได้เป็นฝ่ายก่อเหตุวิวาทและไม่มีเจตนาจะวิวาทกับผู้ตายการป้องกันดังกล่าวจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย.
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า เมื่อ วันที่ 13 ตุลาคม 2525 เวลา กลางคืน หลัง เที่ยงจำเลย ใช้ อาวุธ ปืนพก ยิง จ่าสิบตำรวจ วันชัย รัตนรุ่งงาม ผู้ตาย โดยเจตนา ฆ่า กระสุนปืน ถูก หน้าผาก ด้านซ้าย ทะลุ เหนือหู ซ้าย ผู้ตายถึง แก่ ความตาย ที่ โรงพยาบาล ใน เวลา ต่อมา ตาม รายงาน การ ชันสูตรพลิกศพ ท้าย คำร้อง เพิ่มเติม ฟ้อง เหตุเกิด ที่ ตำบล บัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัด นครราชสีมา เจ้าพนักงาน ตำรวจ จับกุม จำเลย ได้ พร้อมอาวุธปืน ดังกล่าว ปลอก กระสุนปืน 1 ปลอก กระสุนปืน 4 นัด เป็น ของกลางขอ ให้ ลงโทษ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 33 และ ริบ ของกลาง
จำเลย ให้การ ว่า ได้ ใช้ อาวุธ ปืน ยิง ผู้ตาย จริง แต่ กระทำ ไปเพื่อ ป้องกัน ตน
ศาลชั้นต้น ฟัง ว่า ตอน จำเลย ยิง ผู้ตาย นั้น ผู้ตาย ไม่ มี อาวุธปืน การ กระทำ ของ จำเลย จึง ไม่ เป็น การ กระทำ เพื่อ ป้องกัน ตนพิพากษา ว่า จำเลย มี ความ ผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 จำคุก15 ปี ของกลาง ริบ
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ข้อกฎหมาย ว่า การ ที่ ผู้ตาย กับ จำเลย ซึ่ง เป็นข้าราชการ ตำรวจ สถานี เดียวกัน มี เรื่อง โกรธเคือง กัน อย่าง รุนแรงมา ก่อน ผู้ตาย กับ จ่าสิบตำรวจ สมพงษ์ ทำ หน้าที่ สายตรวจ พิเศษนอก เครื่องแบบ จำเลย ทำ หน้าที่ หัวหน้า ตำรวจ จราจร คืน เกิดเหตุมี งานเลี้ยง เนื่อง ใน วัน ตำรวจ ที่ หอประชุม อำเภอ เมื่อ งาน เลิกแล้ว ผู้ตาย พบ จำเลย ที่ หน้า หอประชุม ผู้ตาย ได้ เดิน เข้า ไป หาจำเลย โดย ประสงค์ ร้าย พร้อมกับ พูด ว่า ‘วันนี้ เป็น วันตาย ของ มึง’โดย มี จ่าสิบตำรวจ สมพงษ์ เดิน เข้า ไป ด้วย จำเลย เดิน ถอยหลังผู้ตาย เดิน ตาม และ ชัก อาวุธ ปืนพก ออก มา จำเลย เดิน ถอยหลัง ไป จนติด หอ ประชุม จึง ใช้ อาวุธ ปืน ยิง ผู้ตาย 1 นัด ถือ ได้ ว่า จำเลยกระทำ เพื่อ ป้องกัน ชีวิต ของ ตน ให้ พ้น ภยันตราย ซึ่ง เกิดจาก การประทุษร้าย อัน ละเมิด ต่อ กฎหมาย และ เป็น ภยันตราย ที่ ใกล้ จะ ถึงพอสมควร แก่เหตุ ส่วน การ ที่ มี การ ด่าทอ และ กล่าว คำ ผรุสวาท กันก่อน เมื่อ จำเลย มิได้ เป็น ฝ่าย ก่อเหตุ วิวาท และ ไม่ มี เจตนา จะวิวาท กับ ผู้ตาย การ ป้องกัน ดังกล่าว จึง เป็น การ ป้องกัน โดย ชอบด้วย กฎหมาย พิพากษากลับ ให้ ยกฟ้อง โจทก์