แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อคำฟ้องบรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ซึ่งเกิดกระทำผิดที่กล่าวหามาพอเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจได้ดีว่า การกระทำผิดเกิด ณ สถานที่ใดแล้ว แม้จะไม่ได้ระบุ ตำบล อำเภอ จังหวัดของสถานที่ที่เกิดเหตุนั้นมาด้วยก็เป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) แล้ว
(อ้างฎีกาที่ 951/2509)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและขอแก้ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๑๐ เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์ประจำทางสายสี่เสาเทเวศร์ จากเชิงสะพานศรีอยุธยาโฉมหน้าไปทางสี่เสาเทเวศร์ จำเลยที่ ๒ ขับรถยนต์ส่วนบุคคลของการไฟฟ้านครหลวงจากเชิงสะพานมัฆวาฬ ถนนราชดำเนิน โฉมหน้าไปทางพระบรมรูปทรงม้า จำเลยทั้งสองขับรถยนต์ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวัง ฯลฯ กล่าวคือเมื่อจำเลยทั้งสองขับรถยนต์ไปถึงสี่แยกพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งเจ้าพนักงานจราจรได้ติดตั้งสัญญาณไฟไว้ จำเลยทั้งสองได้ขับรถยนต์ผ่านสี่แยกไปด้วยอัตราความเร็วสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ และจำเลยที่ ๒ ได้ขับรถฝ่าสัญญาณไฟแดงเข้าไปเมื่อผ่านสี่แยกด้วย เป็นเหตุให้รถยนต์ของจำเลยทั้งสองชนกันเสียหาย เป็นเหตุให้บุคคลที่นั่งมาในรถยนต์ของจำเลยที่ ๒ ได้รับบาดเจ็บสาหัส และบาดเจ็บตามรายงานชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้อง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๗๗ มาตรา ๒๙, ๓๐, ๖๖ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๘ มาตรา ๗, ๑๓ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๐, ๓๐๐
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๗๗ มาตรา ๒๙, ๖๖ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๘ มาตรา ๗, ๑๓ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๐, ๓๙๐ ให้ลงโทษตามมาตรา ๓๐๐ ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ จำคุกคนละ ๖ เดือน และปรับคนละ ๒,๐๐๐ บาท รอการลงโทษจำคุกไว้คนละ ๒ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่า ฟ้องโจทก์ไม่สมบูรณ์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘ และข้อเท็จจริงจำเลยทั้งสองไม่ได้กระทำประมาท
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘(๕) แล้ว และข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยกระทำประมาท พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกาว่า ฟ้องของโจทก์แม้จะบรรยายรายละเอียดของสถานที่ที่เกิดเหตุมาในฟ้อง แต่ไม่ได้ระบุตำบล อำเภอ หรือจังหวัดมาด้วยเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๕๘(๕)
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้อง แม้จะมิได้ระบุว่าเหตุเกิดที่ตำบล อำเภอ และจังหวัดใด แต่ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ก็ระบุว่าจำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์ประจำทางสายสี่เสาเทเวศร์จากเชิงสะพานศรีอยุธยาโฉมหน้าไปทางสี่เสาเทเวศร์ จำเลยที่ ๒ ขับรถยนต์ของการไฟฟ้านครหลวงจากเชิงสะพานมัฆวาฬ ถนนราชดำเนิน โฉมหน้าไปทางพระบรมรูปทรงม้า จำเลยทั้งสองขับรถไปถึงสี่แยกพระบรมรูปทรงม้ารถยนต์จำเลยทั้งสองเกิดชนกันได้รับความเสียหายตามรายละเอียดของสถานที่ที่โจทก์บรรยายมานี้ จำเลยย่อมจะเข้าใจข้อหาได้ดีว่า การกระทำผิดเกิด ณ สถานที่ใดแล้ว ฟ้องของโจทก์ไม่เสียไป ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๙๕๑/๒๕๐๙ ระหว่าง นายคำมี สุราช โจทก์ นายสังข์ทอง บุญประคมจำเลย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ ๒ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฎีกาจำเลยที่ ๒