คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1137/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

นอกจากค่าเช่าเดือนละ 30 บาทแล้วจำเลยยังทำสัญญาช่วยค่ารื้อปลูกเรือนที่เช่าเดือนละ 200 บาททุกเดือนในระหว่างที่เช่า ถือว่าเงิน 200 บาทนี้เป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่าด้วย
โจทก์ฟ้องคดีเรียกค่าเช่าจำเลยโดยไม่ต้องบอกกล่าวจำเลยได้ทีเดียวในเมื่อมีกำหนดเวลาไว้แน่นอนว่าต้องชำระค่าเช่าเดือนละครั้งภายในวันที่ 1 ของทุกๆเดือน และเมื่อถึงเวลาแล้วจำเลยไม่ชำระ ถือว่าจำเลยได้ผิดเวลาในการชำระหนี้แล้ว.

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๔๘๒ จำเลยได้ทำสัญญาเช่าบ้านทะเบียนที่ ๒๕๘๗/๑ ตำบลบ้านช่างหล่อ อ.บางกอกน้อย จ.ธนบุรี มีกำหนด ๑๒ เดือน ในอัตราค่าเช่าเดือนละ ๓๐ บาท ต่อมาวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๔๙๒ จำเลยนำสัญญารับช่วยเหลือค่ารื้อปลูกเรือนให้แก่โจทก์เป็นรายเดือน ๆ ละ ๒๐๐ บาททุกเดือนในระหว่างที่จำเลยยังเช่าเรือนของโจทก์อยู่ โดยถือว่ามีกรณีเกี่ยวพันกันอยู่ในสัญญาเช่าบ้านนั้นด้วย เมื่อครบกำหนดเวลาเช่าตามสัญญาแล้ว โจทก์จำเลยได้ปฏิบัติการเช่าต่อกันดังกล่าวมานั้นต่อจนบัดนี้ บัดนี้จำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าและค่าช่วยเหลืออันเป็นส่วนของค่าเช่าให้โจทก์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ๒๔๙๘ ถึง กรกฎคม รวม๓ เดือนเป็นเงิน ๖๙๐ บาท จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระ
จำเลยให้การว่าจำเลยมิได้ผิดสัญญา ค่าเช่านั้นเดือนละ ๓๐ บาท ถ้าจำเลยจะค้าชำระก็น่าจะเป็นเพียงเดือนเดียว เพราะเคยส่งเงินไปให้โจทก์เกินไปถึง ๖๐ บาท และต่อมาเมื่อกรกฎาคม ๒๔๙๘ จำเลยก็ได้ส่งค่าเช่าไปให้โจทก์โดยส่งทางธนาณัติอีก ๙๐ บาท จึงเป็นอันว่าจำเลยมิได้ค้างชำระ เงินค่าช่วยรื้อปลูกเรือนเดือนละ ๒๐๐ บาท จำเลยถือว่ามีเวลา ๑ ปีตามสัญญาเช่าลงวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๔๙๒ เมื่อพ้นจากนั้นจำเลยไม่ผูกพันในเงินจำนวนนี้ จึงไม่ค้างชำระ
คู่ความแถลงรับกัน แล้วไม่ติดใจสืบพยาน
ก่อนฟ้องโจทก์ไม่เคยทวงถามเงินจำนวนใดจากจำเลย เอกสาร จ.๓ คือสัญญาพิเศษช่วยค่ารื้อปลูกเรือน จำเลยว่าเมื่อช่วยชำระค่ารื้อปลุกครบ ๑ ปีแล้ว จำเลยก็ชำระเพียงค่าเช่าเดือนละ ๓๐ บาท
ศาลชั้นต้นตัดสินว่า เงินค่ารื้อถอน ๒๐๐ บาทถือได้ว่าเป็นส่วนของค่าเช่า จำเลยต้องชำระให้โจทก์ตลอดไปตลอดเวลาเช่า การทวงถามนั้นเมื่อมีกำหนดเวลาชำระแน่นอนตาม ๑ เมื่อถึงกำหนดจำเลยไม่ชำระ โจทก์ไม่จำต้องเตือนจำเลยก็ผิดนัดแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้าง ๕๙๐ บาท กับค่าเช่าและเงินช่วยรื้อรวมเดือนละ ๒๓๐ บาท ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ๒๔๙๘ ต่อไปจนกว่าจะเลิก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ศาลฎีกาพิพากษายืน โดยวินิจฉัยว่า ตามข้อความใน จ.๓ ฟังได้ว่าจำเลยต้องให้ค่ารื้อและปลูกเรือนโจทก์ตามสัญญาตลอดไปที่จำเลยยังเช่า และตาม จ.๑ มีกำหนดว่าจำเลยต้องชำระค่าเช่าเดือนในวันที่ ๑ ของเดือน จึงถือว่ามีกำหนดเวลาชำระไว้ตามวันแห่งปฏิทิน +ไม่ชำระค่าเช่ารวมทั้งค่าช่วยรื้อตามกำหนด จำเลยก็ตกเป็นผู้ผิดนัดมิพักต้องตามนัยมาตรา ๒๐๔ วรรค ๒ แห่งกฎหมายประมวลแพ่งฯ โจก์มีสิทธิฟ้องไม่ต้องทวงถามก่อน.

Share