คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1606/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ผู้ร้องโต้เถียงว่าเงินที่โจทก์ขออายัดและยึดนี้เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1307ศาลอายัดและยึดไม่ได้นั้น ศาลจะวินิจฉัยให้ต่อเมื่อปรากฏว่าผู้ร้องได้โต้แย้งมาแต่ศาลชั้นต้น ถ้าหากเพิ่งมายกขึ้นโต้เถียงในชั้นฎีกา ศาลฎีกาย่อมไม่วินิจฉัยให้เพราะถือว่าไม่มีประเด็นโต้เถียงกันมาแต่ต้น

ย่อยาว

คดีนี้เดิมโจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็ค 38,000 บาท ระหว่างพิจารณาโจทก์ร้องขอให้ศาลอายัดเงินซึ่งจำเลยจะได้รับเป็นค่าก่อสร้างอาคารสงเคราะห์จากผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ศาลจังหวัดราชบุรีไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้อายัดเงิน 38,000 บาทที่จำเลยจะได้รับจากผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี และได้หมายอายัดไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรีห้ามจ่ายเงิน 38,000 บาทแก่นายวิชัย มณีรัตน์หรือจำเลย ต่อมาโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมกันที่ศาลโดยจำเลยยอมใช้เงิน 32,800 บาท พร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมแก่โจทก์โจทก์ได้ร้องขอให้ศาลออกหมายยึดเงิน 38,000 บาทที่สั่งอายัดไว้จากผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยึดและออกหมายบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการยึดเงินนั้นแล้ว

ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรียื่นคำคัดค้านว่า โจทก์ไม่มีสิทธิยึดเงินรายนี้ เพราะจำเลยได้โอนสิทธิการรับเหมาก่อสร้างอาคารสงเคราะห์ตลอดจนความรับผิดชอบและการรับเงินให้แก่นายวิชัยมณีรัตน์ไปแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิจะได้รับเงินจากผู้ร้องอีก ขอให้ถอนการยึด

ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ สั่งงดการไต่สวน แล้วสั่งเพิกถอนกระบวนการบังคับคดีที่ได้ทำมา นับแต่การออกหมายอายัด

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า การดำเนินกระบวนการบังคับของศาลชั้นต้นที่ถูกศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนนั้นเป็นการดำเนินกระบวนการบังคับคดีที่ชอบด้วยกฎหมายแล้วสั่งให้เพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้นเสีย

ผู้ร้องฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ผู้ร้องเถียงขึ้นมาในชั้นศาลฎีกาว่าเงินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดเอามาเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1307 นั้น ปรากฎว่าตามคำคัดค้านของผู้ร้องมิได้โต้แย้งไว้แต่ศาลชั้นต้น จึงไม่มีประเด็นในข้อนี้ จึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share