แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ความจริงจะเป็นดังที่จำเลยที่ 2 ต่อสู้ ว่านายประสิทธิ์ลูกจ้างเป็นผู้จ้างจำเลยที่ 1 ให้ขับรถมาส่งกระเบื้องของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นไปตามทางการที่จ้าง แต่จำเลยที่ 2 ก็มิได้ปฏิเสธการกระทำของนายประสิทธิ์กลับยอมรับที่จะใช้ค่าเสียหายให้ต่อคนของโจทก์และตำรวจ ดุจเป็นการกระทำของลูกจ้างเอง จำเลยที่ 2 จึงปฏิเสธความรับผิดไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ขับรถไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ด้วยความประมาทเลินเล่อชนรถสามล้อเครื่องของโจทก์ที่ 1 เสียหาย โจทก์ที่ 2 ผู้ขับขี่และโจทก์ที่ 3 ซึ่งเป็นผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 9,200 บาทกับดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ให้การว่าขับรถชนรถโจทก์จริง และโต้แย้งเรื่องค่าเสียหาย ฯลฯ
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างจำเลยที่ 2 ลูกจ้างของจำเลยที่ 2 คือนายประสิทธิ์ นายประสิทธิ์วานให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับแทน ฯลฯ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าการที่นายประสิทธิ์ลูกจ้างของจำเลยที่ 2 จ้างวานให้จำเลยที่ 1 ขับรถ เป็นการจ้างวานจำเลยให้ทำหน้าที่ของนายประสิทธิ์ ซึ่งมีหน้าที่ต้องขับรถของจำเลยที่ 2 เป็นการกระทำในทางการที่จ้าง จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425 พิพากษาให้จำเลยร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย 9,200 บาท กับดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีในเงิน 3,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ 8,850 บาท
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดเพราะจำเลยที่ 1 มิใช่เป็นลูกจ้างนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าแม้ความจริงจะเป็นดังที่จำเลยที่ 2 ต่อสู้ว่านายประสิทธิ์ลูกจ้างเป็นผู้จ้าง จำเลยที่ 1 ให้ขับรถมาส่งกระเบื้องของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นไปตามทางการที่จ้าง แต่จำเลยที่ 2 ก็มิได้ปฏิเสธการกระทำของนายประสิทธิ์กลับยอมรับที่จะใช้ค่าเสียหายให้ต่อคนของโจทก์และตำรวจดุจเป็นการกระทำของลูกจ้างเอง จำเลยที่ 2 จึงปฏิเสธความรับผิดไม่ได้
พิพากษายืน