แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยจัดอาคารที่จอดรถให้แก่ลูกค้าผู้นำรถเข้าไปจอดเป็นผู้หาที่จอดรถเองและเป็นผู้เก็บกุญแจไว้โดยไม่ต้องเสียค่าจอดแต่อย่างใดส่วนการที่จำเลยจัดพนักงานไว้คอยฉีกหรือตรวจบัตรจอดรถยนต์ขณะที่นำรถยนต์ออกจากอาคารที่จอดรถของจำเลยนั้นเป็นเพียงมาตรการช่วยรักษาความปลอดภัยให้เท่านั้นที่โจทก์อ้างว่าลูกจ้างของจำเลยปล่อยให้รถยนต์ออกจากอาคารที่จอดรถโดยไม่รับบัตรจอดรถคืนนั้นโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าลูกจ้างของจำเลยได้ปล่อยรถที่โจทก์รับประกันภัยออกไปโดยประมาทเลินเล่ออย่างไรแต่กลับได้ความจากพยานจำเลยว่าวันเกิดเหตุมีรถยนต์ขอออกจากอาคารที่จอดรถไปโดยไม่มีบัตรจอดรถยนต์รวม3คันลูกจ้างของจำเลยได้ทำบันทึกทะเบียนรถยนต์บัตรประจำตัวผู้ขับขี่หรือบัตรประจำตัวประชาชนไว้แล้วไม่ปรากฎว่าได้ปล่อยรถคันที่โจทก์รับประกันออกไปแม้แต่ว. พยานโจทก์ก็เบิกความรับว่าเคยขับรถเข้าไปจอดในห้างของจำเลยแล้วออกไปโดยไม่คืนบัตรจอดรถลูกจ้างของจำเลยไม่ยอมให้ออกจนกระทั่งต้องแสดงเอกสารเกี่ยวกับรถให้ดูจึงจะนำรถออกไปได้แสดงว่าลูกจ้างของจำเลยได้ตรวจสอบและปล่อยรถไปถูกต้องตามระเบียบเหมือนเช่นเคยประพฤติในกิจการของตนเองมิได้กระทำโดยประมาทเลินเล่อดังที่โจทก์ฟ้องจำเลยจึงไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน8 ธ-4406 กรุงเทพมหานคร ไว้จากบริษัททวายคอนแท็ดท์ จำกัดเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2535 เวลา 19 นาฬิกา นายปรีชา เอกพันธุสินได้ขับรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยไปจอดที่ลานจอดรถของจำเลยสาขาท่าพระได้รับบัตรจอดรถยนต์จากลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยแล้วนำไปจอดที่อาคารจอดรถชั้น 3 เอ หลังจากนายปรีชาซื้อสินค้ากับชมภาพยนตร์เสร็จแล้ว เวลา 21 นาฬิกา นายปรีชากลับออกมาที่จอดรถปรากฎว่ารถยนต์หายไป ทั้งนี้ด้วยความประมาทของลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยในการทางที่จ้าง ปล่อยให้รถออกจากที่จอดรถโดยไม่ได้ตรวจสอบหรือเก็บบัตรจอดรถตามระเบียบจนเป็นช่องทางให้บุคคลอื่นนำรถยนต์ที่โจทก์ประกันภัยออกไปโดยไม่มีสิทธิ โจทก์จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เอาประกันภัยตามสัญญาประกันภัยไปแล้ว จึงรับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันภัยฟ้องร้องค่าเสียหายจำเลยในฐานะนายจ้างและเจ้าของการจัดการบริการต้องรับผิดชอบใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 375,750 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 360,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยมิได้ทำการโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อให้โจทก์เสียหาย การจัดที่จอดรถเพื่อให้ความสะดวกแก่ลูกค้าโดยไม่คิดค่าตอบแทนจำเลยไม่มีหน้าที่ในการดูแลรักษารถยนต์ตลอดจนทรัพย์สินของลูกค้าที่เข้าไปจอดรถซึ่งจำเลยได้ระบุไว้ชัดแจ้งในบัตรจอดรถยนต์แล้ว จำเลยตลอดจนลูกจ้างและตัวแทนที่ได้ปฎิบัติหน้าที่ตามกฎระเบียบด้วยความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์ หากโจทก์รับผิดชำระไปก็ไม่มีสิทธิเรียกเอาจากจำเลยเพราะเป็นข้อตกลงระหว่างโจทก์กับผู้เอาประกันภัย จำเลยไม่ได้เข้าเป็นคู่สัญญาด้วย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า หมายเลขทะเบียน 8 ธ-4406 กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2535เวลา 19 นาฬิกา นายปรีชาและภริยาขับรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยไปที่ห้างของจำเลย สาขาท่าพระเพื่อดูภาพยนตร์ที่โรงภาพยนตร์ในห้างเมื่อนายปรีชาขับรถยนต์เข้าไปในอาคารที่จอดรถได้รับบัตรจอดรถยนต์จากลูกจ้างของจำเลยตามเอกสารหมาย จ.4 แล้วขับรถยนต์ไปจอดที่ชั้น 3 เอ ออกจากรถเปิดประตูรถทั้งสี่ด้านพาภริยาเดินไปดูภาพยนตร์ ภาพยนตร์ฉายประมาณ 2 ชั่วโมง เลิกเวลา 21 นาฬิกาครั้นนายปรีชาและภริยาไปที่จอดรถเพื่อขับรถกลับบ้าน ปรากฎว่ารถยนต์สูญหายไปโจทก์ได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 360,000 บาทให้แก่ผู้รับประโยชน์แล้วขอรับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลย ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า จำเลยต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์หรือไม่นายประเมต ปัญญาใส และนายวุฒินันท์ เลิศฉัตรโกศล พนักงานของโจทก์เบิกความว่าการนำรถยนต์เข้าไปจอดในอาคารที่จอดรถของจำเลยผู้ขับรถต้องรับบัตรจอดรถยนต์จากลูกจ้างของจำเลยที่ปากทางขาเข้าเมื่อจะนำรถออกจากอาคารที่จอดรถต้องคืนบัตรให้แก่ลูกจ้างของจำเลยที่ปากทางขาออกเหตุที่รถคันที่โจทก์รับประกันภัยสูญหายไปเพราะลูกจ้างของจำเลยประมาทเลินเล่อไม่ตรวจสอบรถคันที่เข้าออกตามระเบียบ ปล่อยให้รถคันที่โจทก์รับประกันภัยออกไปโดยไม่คืนบัตรจอดรถยนต์ เป็นการปฎิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้อง ส่วนนายณัฐพงศ์ฐิติเดช และนายเอนก แทนศรี พนักงานบริการที่จอดรถของจำเลยเบิกความว่า การจัดที่จอดรถเป็นการบริการลูกค้าโดยไม่ต้องเสียค่าจอด ทางจำเลยไม่รับผิดชอบกรณีรถยนต์เสียหายหรือบุบสลายเห็นว่า ตามทางนำสืบของทั้งสองฝ่ายได้ความว่า จำเลยจัดอาคารที่จอดรถให้แก่ลูกค้า ผู้ที่นำรถเข้าไปจอดเป็นผู้หาที่จอดรถเองและเป็นผู้เก็บกุญแจไว้โดยไม่ต้องเสียค่าจอดแต่อย่างใด ส่วนการที่จำเลยจัดพนักงานไว้คอยฉีกหรือตรวจบัตรจอดรถยนต์ขณะที่นำรถยนต์ออกจากอาคารที่จอดรถของจำเลยนั้นเป็นเพียงมาตรการช่วยรักษาความปลอดภัยให้เท่านั้น โจทก์นำสืบว่า รถที่โจทก์รับประกันภัยสูญหายไปเป็นเพราะลูกจ้างของจำเลยปล่อยให้รถยนต์ออกจากอาคารที่จอดรถโดยไม่รับบัตรจอดรถคืนนั้น โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าลูกจ้างของจำเลยได้ปล่อยรถที่โจทก์รับประกันภัยออกไปโดยประมาทเลินเล่ออย่างไร แต่กลับได้ความจากพยานจำเลยว่า วันเกิดเหตุมีรถยนต์ขอออกจากอาคารที่จอดรถไปโดยไม่มีบัตรจอดรถยนต์รวม 3 คันลูกจ้างของจำเลยได้บันทึกทะเบียนรถยนต์ บัตรประจำตัวผู้ขับขี่หรือบัตรประจำตัวประชาชนไว้แล้ว ไม่ปรากฎว่าได้ปล่อยรถคันที่โจทก์รับประกันออกไป แม้แต่นายวุฒินันท์พยานโจทก์ก็เบิกความรับว่าพยานเคยขับรถเข้าไปจอดในห้างของจำเลยแล้วออกไปโดยไม่คืนบัตรจอดรถลูกจ้างของจำเลยไม่ยอมให้ออกจนกระทั่งต้องแสดงเอกสารที่เกี่ยวกับรถให้ดูจึงจะนำรถออกไปได้ แสดงว่าลูกจ้างของจำเลยได้ตรวจสอบและปล่อยรถไปถูกต้องตามระเบียบเหมือนเช่นเคยประพฤติในกิจการของตนเองมิได้กระทำโดยประมาทเลินเล่อดังที่โจทก์ฟ้อง จำเลยจึงไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ยกฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน