คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1136/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยซึ่งเป็นสามีขับไล่และกล่าวประจานโจทก์(ภริยา)ว่า’พวกมึงเป็นเหล่าลักขโมยเขา เลี้ยงไม่ได้’ และใช้คำหยาบล่วงเกินต่อบิดาโจทก์ว่า’มึงเอาลูกของมึงไปเลี้ยงเถิด กูเลี้ยงไม่ได้ เลี้ยงไว้ก็เสียสกุลบ้าน เป็นเสนียดจัญไร’ เช่นนี้ เป็นการหมิ่นประมาทต่อโจทก์และต่อบุพการีของโจทก์อย่างร้ายแรงตาม ม.1500(2)

ย่อยาว

ได้ความว่าโจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากัน ในวันที่จดทะเบียนสมรสนั้น บิดาจำเลยยกที่ดินตามบัญชีทรัพย์หมาย ก. ให้โจทก์และจำเลยซึ่งเป็นที่ดินไม่มีโฉนด และตั้งแต่วันจดทะเบียนสมรส โจทก์จำเลยก็เข้าครอบครองที่ดินรายนี้มาจนเกิดเหตุเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี และทรัพย์ตามบัญชีทรัพย์หมาย ข. เป็นสินสมรส ต่อมาจำเลยขับไล่โจทก์เมื่อบิดาโจทก์พาโจทก์ไปส่งเพื่อให้คืนดีกัน จำเลยไม่ต้อนรับยังกลับขับไล่ประจานว่า “พวกมึงเป็นเหล่าลักขโมยเขา เลี้ยงไม่ได้”และใช้คำหยาบล่วงเกินต่อบิดาโจทก์ว่า “มึงเอาลูกของมึงไปเลี้ยงเถิดกูเลี้ยงไม่ได้ เลี้ยงไว้ก็เสียสกุลบ้าน เป็นเสนียดจัญไร” และจำเลย(สามี) มิได้ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูโจทก์ (ภริยา)

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากสามีภริยากันให้แบ่งทรัพย์ตามบัญชี ก.ข. ให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง ถ้าแบ่งไม่ตกลงกันก็ให้ขายทอดตลาดแบ่งครึ่ง

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น เห็นว่า โจทก์มีเหตุที่ควรขอหย่าได้ ในฐานที่ถูกจำเลยหมิ่นประมาทต่อโจทก์และต่อบุพการีของโจทก์อย่างร้ายแรง และจำเลยมิได้ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดู ตามเหตุซึ่งบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1500(2)(3) จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share