คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1134/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยยืนอยู่กับพวก พวกของจำเลยเข้าไปทักทายผู้เสียหายที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแล้วเดินคุยรวมมากับผู้เสียหาย จำเลยเดินรวมมากับพวกของจำเลยด้วยเมื่อถึงที่เกิดเหตุ พวกของจำเลยรัดคอและรูดเอานาฬิกาข้อมือผู้เสียหาย จำเลยยืนกระหนาบอยู่ข้างๆ ผู้เสียหาย พวกของจำเลยรูดเอานาฬิกาข้อมือได้แล้วจำเลยวิ่งหนีเข้าวัด พวกของจำเลยวิ่งตามไปนั้นเป็นพฤติการณ์แวดล้อมที่ถือได้ว่าจำเลยได้ร่วมกระทำความผิดกับพวกของจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีกคนหนึ่งซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้องบังอาจร่วมกันลักนาฬิกาข้อมือ 1 เรือน พร้อมกับสายเหล็กยืด 1 เส้นของนายน้อย ศรีจันจรา ไปโดยทุจริต โดยพวกของจำเลยคนหนึ่งได้ใช้กำลังแขนกอดรัดคอนายน้อย ทั้งนี้เพื่อเป็นความสะดวกแก่การลักทรัพย์และเอานาฬิกาข้อมือพร้อมกับสายไป จำเลยได้ยืนคุมเชิงกระหนาบอยู่ข้าง ๆ นายน้อยเพื่อดูต้นทางและระมัดระวังช่วยเหลือในการชิงทรัพย์ที่พวกของจำเลยกระทำสำเร็จโดยเรียบร้อย แล้วจำเลยกับพวกก็หลบหนีไปพร้อมกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 83 และให้ใช้ราคาทรัพย์

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 83 ให้จำคุกจำเลย 5 ปี และให้จำเลยใช้ราคาทรัพย์ 420 บาท แก่เจ้าทรัพย์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ฟังข้อเท็จจริงได้ว่าจำเลยได้ร่วมมาในกลุ่มคนร้ายด้วย และวินิจฉัยว่าการที่จำเลยยืนอยู่กับพวก พวกของจำเลยเข้าไปทักทายผู้เสียหายที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แล้วเดินคุยรวมมากับผู้เสียหาย จำเลยเดินรวมมากับพวกจำเลยด้วย เมื่อถึงที่เกิดเหตุพวกของจำเลยรัดคอและรูดเอานาฬิกาข้อมือผู้เสียหาย จำเลยยืนกระหนาบอยู่ข้าง ๆ ผู้เสียหาย พวกของจำเลยรูดเอานาฬิกาข้อมือได้แล้วจำเลยวิ่งหนีเข้าวัด พวกของจำเลยวิ่งตามไปนั้น เป็นพฤติการณ์แวดล้อมที่ถือได้ว่าจำเลยได้ร่วมกระทำผิดกับพวกของจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ด้วย

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share