คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1134/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องหาว่า จำเลยกระทำผิดฐานฉ้อโกงนั้น ถ้าในฟ้องมิได้บรรยายว่าความจริงเป็นอย่างไร หรือเพียงไหนแล้วก็ย่อมไม่อาจเป็นที่เข้าใจได้ว่าข้อความที่กล่าวนั้นเป็นเท็จทุกตอนทุกถ้อยคำจึงต้องถือว่าเป็นฟ้องที่ไม่ระบุความพอสมควรที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องบรรยายว่า จำเลยใช้อุบายหลอกลวงเอาความซึ่งรู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จมากล่าวว่าจำเลยเป็นเสมียนโรงต้นกลั่นสุรา อำเภอเมืองเชียงรายมีหน้าที่มาตรวจร้านค้าสุรา และเก็บเงินค่าจำหน่ายสุราจากร้านค้าของโรงต้มกลั่นสุราอำเภอเมืองเชียงราย การมาครั้งนี้ก็เพื่อเก็บเงินค่าขายสุราที่นายมี คำน้อยรับไปจำหน่ายนั้นเอง ทั้งนี้โดยจำเลยมีเจตนาทุจจริตคิดหลอกลวงให้นายมีส่งเงินค่าจำหน่ายสุราให้แก่จำเลยไป นายมีหลงเชื่อว่าเป็นความจริง จึงได้มอบเงินจำนวน ๑๖ บาท ให้แก่จำเลยไป ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๐๔
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่ประทับฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าความผิดฐานฉ้อโกงตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๐๔ นั้น จะต้องปรากฎว่าผู้กระทำผิดใช้อุบายหลอกลวงด้วยประการใด ๆ อันประกอบด้วยเอาความเท็จมากล่าว ฟ้องของโจทก์ดังกล่าวแล้ว ย่อมไม่อาจเป็นที่เข้าใจได้ว่า ข้อความที่กล่าวนั้นเป็นเท็จทุกตอนทุกถ้อยทุกคำเพราะโจทก์มิได้กล่าวว่าความจริงเป็นอย่างไร หรือเพียงไหนเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่เป็นฟ้องที่ระบุความพอสมควร ศาลล่างไม่ประทับฟ้องชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share