คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1133/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยให้การว่าจำเลยได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเกินกว่า 10 ปี อันเป็นข้อต่อสู้ของจำเลยว่า จำเลยครอบครองที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิ์โดยทางปรปักษ์ ซึ่งแสดงให้เห็นได้ในตัวว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ของจำเลย ฉะนั้นจำเลยจะอ้างว่าที่ดินพิพาทอยู่ในเขตโฉนดที่ดินของตน โดยนำสืบว่าจำเลยได้ทำคันนาขึ้นใหม่ในที่ดินของจำเลยตลอดเขตที่ดินของจำเลยซึ่งรวมทั้งที่พิพาทด้วยจึงรับฟังไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในโฉนดที่ดินร่วมกับโจทก์ โจทก์ได้ยื่นคำขอรังวัดแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ จำเลยได้ร้องคัดค้านแนวเขตที่ดินด้านทิศเหนือเข้ามาในที่ดินของโจทก์โดยอ้างว่าเป็นที่ดินของจำเลยรวมประมาณ ๔ ไร่เศษ ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ศาลพิพากษาห้ามจำเลยและบริวารเข้าไปเกี่ยวข้องในที่ดินของโจทก์โฉนดดังกล่าว
จำเลยให้การว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินของจำเลย ไม่เคยเห็นโจทก์ครอบครองทำกิน จำเลยได้ครอบครองทำประโยชน์ที่ดินพิพาทโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเกินกว่า ๑๐ ปีแล้ว โจทก์ทราบถึงการครอบครองของจำเลยแล้วโจทก์ซื้อที่พิพาทไว้โดยไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ส่วนที่โจทก์ขอให้ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องนั้นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในประเด็นที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์
วินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ที่จำเลยนำสืบว่าจำเลยได้ทำคันนาขึ้นใหม่ในที่ดินของจำเลยตลอดเขตที่ดินของจำเลยตามแนวเส้นสีเขียวในแผนที่พิพาทกลางนั้น เห็นว่าตามคำให้การของจำเลย จำเลยให้การว่าจำเลยได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทตามแผนที่ท้ายฟ้องหมายเลข ๒ สีเขียว คือ ตามแนวเส้นสีเขียวในแผนที่พิพาทกลางนั้นโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเกินกว่า ๑๐ ปี อันเป็นข้อต่อสู้ของจำเลยว่า จำเลยครอบครองที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิ์โดยทางปรปักษ์ ซึ่งแสดงให้เห็นได้ในตัวว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ของจำเลยฉะนั้นจำเลยจะอ้างว่าที่ดินพิพาทอยู่ในเขตโฉนดที่ดินของตนดังกล่าวข้างต้นจึงรับฟังไม่ได้ ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับเป็นว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมรวมสามศาลให้โจทก์ โดยกำหนดค่าทนายรวม ๒,๕๐๐ บาท.

Share