คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เดิมโจทก์ จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินกันโดยจำเลยได้สั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่โจทก์เพื่อชำระเป็นค่าซื้อที่ดินบางส่วนต่อมาเมื่อโจทก์จำเลยต่างบอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินต่อกันแล้วจำเลยก็ไม่มีหน้าที่ชำระเงินตามเช็คพิพาทให้แก่โจทก์อีก โจทก์ไม่อาจนำเช็คพิพาทมาฟ้องเรียกเงินจากจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมกันซื้อที่ดินของโจทก์โดยชำระค่ามัดจำด้วยเช็ค แต่เมื่อเช็คดังกล่าวถึงกำหนดชำระ โจทก์ไม่สามารถรับเงินตามเช็คได้เนื่องจากจำเลยมีคำสั่งระงับการจ่าย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า เช็คพิพาทเป็นค่าที่ดินบางส่วนล่วงหน้า มิใช่เป็นค่ามัดจำ จำเลยได้บอกล้างสัญญา และโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาเช่นกัน จึงไม่มีมูลหนี้ โจทก์ทั้งสองคนหลอกลวงจำเลยให้ซื้อที่ดินตามฟ้อง โดยรู้อยู่แล้วว่าที่ดินของโจทก์ถูกพระราชกฤษฎีกาเวนคืนสร้างทางหลวงแล้ว ปิดบังจำเลย สัญญาจึงเป็นโมฆียกรรม โจทก์ที่ 2มิได้เป็นผู้ทรงเช็คพิพาท ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามเช็คที่ฟ้องพร้อมดอกเบี้ยสำหรับโจทก์ที่ 2 ให้ยกฟ้อง จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ประเด็นในชั้นฎีกามีว่าจำเลยต้องรับผิดตามเช็คพิพาทหรือไม่ ข้อเท็จจริงที่คู่ความรับกันฟังได้ว่า เดิมโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 21196 แขวงแสมดำ(บางบอน) เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นเงิน 3,300,000 บาท ในการนี้จำเลยได้สั่งจ่ายเช็คพิพาทลงวันที่ 10 สิงหาคม 2523 ให้แก่โจทก์ตามเอกสารหมาย ป.จ.2 ก่อนเช็คพิพาทถึงกำหนด จำเลยได้มีหนังสือบอกล้างสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน อ้างว่าโจทก์ทำกลฉ้อฉลตามเอกสารหมาย ป.ล.5 และต่อมาได้มีหนังสือ ลงวันที่ 21 สิงหาคม 2523 ถึงทนายความโจทก์ ปฏิเสธการชำระเงินตามเช็คโดยเหตุว่าที่ดินตามสัญญาจะซื้อจะขายจะถูกเวนคืนจากทางราชการตามเอกสารหมาย ป.ล.6โจทก์ได้มีหนังสือลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2523 บอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินและเรียกร้องค่าเสียหายตามสัญญาดังกล่าวจากจำเลยเป็นเงิน 1,000,000 บาท ตามเอกสารหมาย จ.9 แล้ว ต่อมาโจทก์ได้ขายที่ดินตามสัญญาจะซื้อจะขายให้แก่ผู้อื่นไปในราคา 3,200,000บาท ตามเอกสารหมาย ป.ล.9 จากข้อเท็จจริงดังกล่าวย่อมเห็นได้ว่าโจทก์จำเลยต่างได้บอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินต่อกันแล้ว ปรากฏตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินเอกสารหมาย จ.1 และ ล.1 ซึ่งทำขึ้นเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2523 ข้อ 2 มีข้อความว่า “ในวันทำสัญญานี้ ผู้จะซื้อได้ชำระเงินบางส่วนให้ผู้จะขายรับไว้แล้วเป็นจำนวน907,500 บาท ฯลฯ สำหรับเงินค่าที่ดินที่ยังค้างอยู่อีก 2,392,500บาท ฯลฯ ผู้จะซื้อให้สัญญาว่าจะผ่อนชำระให้ผู้จะขายเป็นงวด ฯลฯ”ข้อสัญญาซึ่งระบุไว้โดยชัดแจ้งเห็นได้ว่าเงินจำนวน 907,500 บาท ตามเช็คที่ระบุไว้ในสัญญาข้างต้นเป็นค่าที่ดินส่วนหนึ่งที่จำเลยจะชำระให้แก่โจทก์เมื่อเช็คถึงกำหนดหาใช่เป็นค่ามัดจำตามฟ้องของโจทก์ไม่เมื่อไม่ใช่ค่ามัดจำและโจทก์จำเลยต่างได้บอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินต่อกันในภายหลังแล้ว จำเลยจึงไม่มีหน้าที่ชำระเงินตามเช็คซึ่งเป็นค่าที่ดินส่วนหนึ่งให้แก่โจทก์อีก ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยรับผิดตามเช็คพร้อมดอกเบี้ยไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

Share