คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีอาญา ศาลสั่งตัดผู้เสียหายซึ่งเป็นพยานโจทก์ไปแล้วต่อมาผู้เสียหายมาศาลโดยโจทก์ยื่นคำร้องขอสืบเป็นพยานเมื่อศาลเห็นสมควรก็ย่อมมีอำนาจสั่งให้สืบได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองโดยทุจริต ได้ร่วมกันรับตัวผู้เยาว์อายุเกินสิบสามปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี ซึ่งถูกผู้อื่นที่หลบหนีอยู่พรากไปจากการปกครองดูแลของบิดามารดาโดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วย ทั้งนี้เพื่อหากำไรและเพื่อการอนาจาร และจำเลยทั้งสองเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น ได้ร่วมกันเป็นธุระจัดหาผู้เยาว์อายุไม่เกินสิบแปดปี เพื่อการอนาจาร ทั้งนี้ โดยใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม และใช้วิธีข่มขืนใจให้ค้าประเวณีเพื่อผลประโยชน์ของจำเลยทั้งสองและจำเลยทั้งสองได้หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เยาว์และผู้เสียหายอื่นจนเป็นเหตุให้บุคคลดังกล่าวปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๒, ๒๘๓, ๓๑๐, ๓๑๘, ๓๑๙, ๘๓
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๒, ๒๘๓, ๓๑๐, ๓๑๙ วรรค ๒ ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๓ ซึ่งเป็นบทที่หนักที่สุด ให้จำคุกคนละ ๔ ปี
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๒, ๒๘๓, ๓๑๐ และ ๓๑๘ วรรค ๓ ให้ลงโทษเฉพาะกระทงหนักที่สุดตามมาตรา ๙๑ คือลงโทษตามมาตรา ๓๑๘ วรรค ๓ ส่วนกำหนดโทษคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๑ ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ ๑ ฎีกาว่ากรณีที่ศาลสั่งตัดพยานโจทก์ แล้วกลับสั่งให้สืบพยานโจทก์ที่ศาลสั่งตัดไปนั้นอีก เป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนวิธีพิจารณา ทำให้กระบวนพิจารณาดำเนินไปโดยล่าช้า และทำให้จำเลยเสียเปรียบในเชิงคดีนั้น เห็นว่า พยานโจทก์ที่ศาลสั่งตัดเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ ซึ่งรู้เห็นเกี่ยวกับประเด็นในคดี เมื่อปรากฏว่าผู้เสียหายมาศาลโดยโจทก์ยื่นคำร้องขอสืบเป็นพยาน และศาลชั้นต้นเห็นสมควร ก็ย่อมมีอำนาจสั่งให้สืบพยานดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๘ หาทำให้กระบวนพิจารณาล่าช้าหรือทำให้จำเลยเสียเปรียบดังที่จำเลยฎีกาไม่ ศาลชั้นต้นสั่งชอบด้วยวิธีพิจารณาความแล้วและที่จำเลยที่ ๑ ฎีกาคัดค้านว่าศาลอุทธรณ์ปรับบทกฎหมายคลาดเคลื่อนไปนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า บทกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นปรับแก่ความผิดของจำเลยนั้นถูกต้องแล้ว ฎีกาจำเลยที่ ๑ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share