คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรณีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจร ตามมาตรา 357 และพกพาอาวุธไปในที่ชุมชนตามมาตรา 371 แต่ให้ลงโทษกระทงหนักตามมาตรา 357 และจำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์เฉพาะข้อฐานรับของโจร นั้น ความผิดของจำเลยฐานพกพาอาวุธไปในที่ชุมนุมชนตามมาตรา 371 ที่ยุติแล้ว ก็ยังคงมีอยู่ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เมื่อศาลสูง(ศาลอุทธรณ์)พิพากษายกฟ้องฐานรับของโจรอันเป็นกระทงหนัก ศาลสูง(ศาลอุทธรณ์)ก็มีอำนาจกำหนดโทษในความผิดกระทงเบาฐานพกพาอาวุธไปในที่ชุมชนที่ยังมีอยู่นั้นได้ ไม่เป็นการนอกเหนือกฎหมาย ตามนัยฎีกาที่ 1196/2502 และเมื่อศาลอุทธรณ์ไม่กำหนดโทษ ศาลฎีกาก็กำหนดโทษไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์กำหนดได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า มีคนร้ายลักโค ๑ ตัวของนายรวงไปจากคอก ทั้งนี้โดยจำเลยกับพวกร่วมกันลักหรือรับโครายนี้จากคนร้าย โดยรู้ว่าได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ และจำเลยได้บังอาจพาอาวุธมีดปลายแหลม ๑ เล่ม เข้าไปในบริเวณงานวัดบ้านหนองสรวงอันเป็นการพกอาวุธไปในชุมนุมที่ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อการรื่นเริงโดยไม่มีเหตุสมควร ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๕๗,๓๓๕,๘๓,๓๗๑ และริบมีดของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟังไม่ได้ว่าจำเลยลักโค ส่วนข้อหาฐานรับของโจร พยานโจทก์ฟังได้ข้อจำเลยพกอาวุธฟังว่าจำเลยพกพาอาวุธไปในที่ชุมชน พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๗,๓๗๑ ให้ลงโทษตามมาตรา ๓๕๗ ซึ่งเป็นกระทงหนัก จำคุก ๑ ปี ๖ เดือน ริบมีดของกลาง
จำเลยอุทธรณ์เฉพาะฐานรับของโจรว่าจำเลยไม่ได้รับของโจร
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานรับของโจร และเมื่อจำเลยไม่มีความผิดฐานรับของโจรอันเป็นกระทงหนักที่ศาลชั้นต้นลงโทษมาแล้ว ความผิดกระทงเบาฐานพกอาวุธมีดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๗๑ ศาลอุทธรณ์ก็ไม่มีอำนาจลงโทษเพราะศาลชั้นต้นไม่ได้เรียงกระทงลงโทษ โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ในเหตุที่ไม่ได้เรียงกระทง ความผิดฐานพกอาวุธจึงถึงที่สุดไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ไม่มีอะไรเหลือที่จะให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเลย พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาฐานรับของโจร นอกจากนี้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์มีความเห็นแย้ง ในข้อที่ศาลอุทธรณ์ไม่ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๑ ว่า ควรลงโทษตามมาตรานี้ได้ เพราะจำเลยยังคงมีความผิดตามมาตรา ๓๗๑ อยู่ ควรจะพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาฐานรับของโจร ให้ปรับจำเลย ๕๐ บาท ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๗๑
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานรับของโจรและฐานพกอาวุธตามฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า ในข้อที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยกระทำผิดฐานรับของโจร พยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่พอฟังลงโทษจำเลย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องในข้อนี้ชอบแล้ว
ข้อที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๗๑ นั้น คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานรับของโจรตามมาตรา ๓๕๗ และมีความผิดฐานพกอาวุธไปในที่ชุมชน ที่ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อการรื่นเริง โดยไม่มีเหตุสมควรตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๗๑ เป็น ๒ กระทง แต่ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๓๕๗ ซึ่งเป็นกระทงหนักกระทงเดียว จำเลยอุทธรณ์เฉพาะข้อหาฐานรับของโจร ข้อหาฐานพกอาวุธ ฯลฯ มิได้อุทธรณ์ และฝ่ายโจทก์ก็มิได้อุทธรณ์ ดังนั้น ข้อหาฐานพกอาวุธ ฯลฯ จึงยุติ เพียงศาลชั้นต้น ปัญหามีว่า เมื่อศาลสูงวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานของโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลยฐานรับของโจร ยกฟ้องของโจทก์ในข้อนี้อันเป็นกระทงหนักตามที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยมาเสียแล้ว ศาลสูงจะกำหนดโทษจำเลยสำหรับกระทงที่เบาและยุติแล้วได้เพียงไรหรือไม่ เห็นว่า ความผิดของจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๗๑ ตามที่ยุติแล้วนั้น ยังคงมีอยู่ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เมื่อศาลสูงพิพากษายกฟ้องในความผิดอันเป็นกระทงหนักเสียแล้ว ศาลสูงมีอำนาจกำหนดโทษในความผิดที่เป็นกระทงเบาที่ยังมีอยู่นั้นได้ ไม่เป็นการนอกเหนือกฎหมายแต่ประการใด ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๑๙๖/๒๕๐๒ และเห็นควรกำหนดโทษจำเลยไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์กำหนดโทษ ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า ให้ปรับจำเลย ๕๐ บาท นอกนั้นยืน.

Share