คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1128/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์อยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลยแต่มิได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายนั้น ทรัพย์ที่โจทก์ได้รับมรดกมาในระหว่างอยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลย จำเลยก็ไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของทรัพย์ร่วมกับจำเลย เพราะการที่โจทก์ได้รับมรดกทรัพย์นั้นมาย่อมไม่ใช่ทรัพย์ที่โจทก์และจำเลยร่วมกันหามา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีสิทธิในที่ดินรายพิพาทซึ่งไม่มีหนังสือสำคัญ โจทก์ได้รับที่พิพาทมาโดยรับมรดกจากบิดามารดาเมื่อประมาณ ๑๘ ปีมาแล้ว และโจทก์ครอบครองในฐานะเป็นเจ้าของตลอดมา โจทก์ได้จำเลยเป็นสามีเมื่อ ๒๐ ปี มาแล้ว แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๘ โจทก์ได้ให้จำเลยไปแจ้งการครอบครองที่ดินรายพิพาทแทนโจทก์ ต่อมาจำเลยจะขายที่ดินพิพาทโจทก์ได้ร้องคัดค้าน จึงขอให้ศาลพิพากกล่าวว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาท ห้ามมิให้จำเลยเข้าเกี่ยวข้อง
จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย จำเลยครอบครองที่พิพาทมาประมาณ ๓๖ ปี หรือประมาณ ๑๖ ปีก่อนได้ โจทก์เป็นภริยา และได้ครอบครองตลอดมา โจทก์ได้จำเลยเป็นสามีเมื่อ ๒๐ ปีมาแล้ว แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๘ จำเลยได้แจ้งการครอบครองว่าที่ดินเป็นของจำเลยผู้เดียว จำเลยอยู่กินเป็นสามีภรรยากับโจทก์จนถึง พ.ศ.๒๕๐๘ ก็หย่าร้างกัน โจทก์จะขายที่พิพาท จำเลยร้องคัดค้าน ขอให้พิพากษายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นฟังว่า ที่พิพาทเป็นของบิดามารดาโจทก์ บิดามารดาโจทก์ตายขณะโจทก์จำเลยอยู่กินร่วมกัน ทรัพย์ที่ต่างฝ่ายได้มาในระหว่างอยู่กินร่วมกันต่างฝ่ายก็ถือตนว่าเป็นเจ้าของแม้ที่พิพาทจะเป็นมรดกของบิดาโจทก์ตกได้กับโจทก์ จำเลยก็มีส่วนเป็นเจ้าของครึ่งหนึ่ง พิพากษาให้แบ่งที่ดินพิพาทให้โจทก์จำเลยคนละครึ่ง ถ้าแบ่งกันไม่ตกลงให้ประมูลราคาระหว่างกันเองหรือขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันคนละครึ่ง
โจทก์อุทธรณ์ ขอให้พิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์แต่ผู้เดียว
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า ที่พิพาทเป็นของบิดามารดาโจทก์ เมื่อบิดามารดาโจทก์ตายเป็นมรดกตกได้แก่โจทก์จำเลยเป็นสามีโจทก์โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสไม่มีสิทธิได้รับส่วนแบ่ง เพราะทรัพย์พิพาทมิใช่เป็นทรัพย์ที่ร่วมกันหามา พิพากษาแก้เป็นว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ผู้เดียว ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า ที่ดินพิพาทเป็นมรดกตกทอดจากบิดามารดาโจทก์ได้แก่โจทก์
เมื่อฟังว่าที่พิพาทเป็นมรดกตกได้แก่โจทก์แล้ว ถึงแม้โจทก์จะได้รับมรดกในระหว่างอยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลยก็ตาม เมื่อการอยู่กินฉันสามีภริยานั้นไม่ได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายจำเลยก็ไม่มีส่วนเป็นเจ้าของที่พิพาทร่วมกับโจทก์ เพราะการที่โจทก์ได้รับมรดกย่อมไม่ใช่ทรัพย์ที่โจทก์และจำเลยร่วมกันหามา พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย

Share