แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
อายุความฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในกรณีอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยนั้น ให้นับแต่วันถือว่าได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 182 ที่แก้ไขแล้วแม้จับจำเลยได้มาแล้ว ศาลจะอ่านคำพิพากษานั้นให้ฟังอีก ก็หาทำให้จำเลยมีสิทธิฎีกาไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง จำเลยรับสารภาพ ฟังว่าจำเลยลักทรัพย์ของนายวิรัชสุวรรณรุจิ ราคา 3,200 บาทในที่จอดรถไฟ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 294 จำคุก 2 ปี ลดมาตรา 59กึ่งหนึ่ง จำคุก 1 ปี รอการลงโทษไว้ 5 ปี
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แก้ให้จำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษ แต่ในการนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ไม่ได้ตัวจำเลยมาฟังตามนัด จนต้องออกหมายจับ พ้นระยะ 1 เดือนก็ยังไม่ได้ตัว ศาลอ่านคำพิพากษาไปลับหลังจำเลยในวันที่ 31 ต.ค. 99 และถือว่าจำเลยได้ฟังคำพิพากษานับแต่วันนี้ ต่อมา 9 ก.ค. 2500 จับจำเลยได้และศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังอีก จำเลยยื่นฎีกา 31 ก.ค. 2500 ศาลชั้นต้นรับฎีกาข้อกฎหมายมา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลง31 ต.ค. 99 นั้น ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วไม่ได้ตัวจำเลยมาตามนัด จึงออกหมายจับจนพ้นระยะ 1 เดือนก็ยังไม่ได้ตัวมาจึงอ่านคำพิพากษาให้โจทก์ฟังลับหลังจำเลยและให้ถือว่าจำเลยได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วแต่ 31 ต.ค. 99 ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 182 แก้ไข (ฉบับที่ 6) 2499 มาตรา 12 จำเลยมายื่นฎีกาเมื่อ 31 ก.ค. 2500 เกิน 1 เดือน ขาดอายุความฎีกาแล้ว