คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1128/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าวพ.ศ. 2489 มาตรา 10 นั้น จะต้องได้ความว่าคณะกรรมการฯ ได้ประกาศกำหนดเขตห้ามการขนย้ายข้าวไว้และจำเลยได้ทราบประกาศนั้น ฉะนั้นเมื่อตามท้องสำนวนไม่ปรากฏเลยว่าคณะกรรมการตาม พระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าวได้ออกประกาศเกี่ยวแก่การกักกันข้าวในเขตจังหวัดที่ฟ้องจำเลยว่าอย่างใด แม้แต่สำเนาประกาศก็ไม่มีในสำนวน หรือแม้แต่จะกล่าวในฟ้องว่าได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาก็ไม่ได้กล่าว ตลอดจนเมื่อสืบพยานก็ไม่ได้นำสืบว่าได้มีประกาศอย่างไร จึงไม่มีทางที่จะฟังลงโทษจำเลยได้ (อ้างฎีกาที่ 1176/2492)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยสมคบกับพวกขนย้ายข้าวสารออกนอกเขตจังหวัดชุมพรอันเป็นเขต ซึ่งกรรมการประกาศกำหนดเป็นเขตห้ามขนย้ายข้าวโดยจำเลยพาไปทางทะเล โดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิด และโจทก์ไม่ได้สืบว่า ได้มีประกาศห้ามขนย้ายข้าวออกจากเขตจังหวัดชุมพร และได้ประกาศให้ทราบแล้ว พิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา มีอธิบดีกรมอัยการรับรอง

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามท้องสำนวนคดีนี้ ไม่ปรากฏเลยว่าคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าวได้ออกประกาศเกี่ยวแก่การกักกันข้าวในเขตจังหวัดที่ฟ้องหาจำเลยว่าอย่างใด แม้แต่สำเนาประกาศก็ไม่มีในสำนวน หรือแม้แต่จะกล่าวในฟ้องว่าได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาก็ไม่ได้กล่าว ตลอดจนเมื่อสืบพยานก็ไม่ได้นำสืบว่าได้มีประกาศว่าอย่างไร เป็นแต่โจทก์เพิ่งจะมากล่าวอ้างในชั้นอุทธรณ์และฎีกาว่าคณะกรรมการได้ออกประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข้อนี้ศาลฎีกาได้เคยวินิจฉัยไว้ในคดีที่ 1176/2492 ว่า โดยนิตินัยมิใช่ว่าประกาศใดที่ออกในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จะต้องถือว่าจำเลยทราบอย่างกฎหมายไม่ และการที่จะเป็นผิดตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าวที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลย จะต้องได้ความว่าคณะกรรมการฯ ได้ประกาศกำหนดเขตห้ามการขนย้ายไว้ และจำเลยได้ทราบประกาศนั้น คดีจึงตกเป็นหน้าที่โจทก์จะนำสืบข้อเท็จจริงทั้งสองประการดังกล่าวแล้ว แต่โจทก์ไม่ได้สืบจึงไม่มีทางที่จะให้ฟังลงโทษจำเลยได้ ไม่จำต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงอีก พิพากษายืน

Share