แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ป.วิ.พ. มาตรา 229 บัญญัติให้เป็นหน้าที่ของผู้อุทธรณ์ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์นั้น ซึ่งรวมถึงค่าฤชาธรรมเนียมที่คู่ความอีกฝ่ายต้องเสียไปจากการดำเนินคดีในศาลชั้นต้นนั้นด้วย การที่จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยนำเพียงค่าทนายความใช้แทนมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งไม่รับอุทธรณ์ได้ทันที แต่เมื่อศาลชั้นต้นได้เปิดโอกาสให้แก่จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลให้ถูกต้องครบถ้วนอีกครั้งหนึ่งก่อนที่ศาลชั้นต้นจะพิจารณาสั่งอุทธรณ์ของจำเลย อันเป็นกระบวนพิจารณาในชั้นตรวจคำฟ้องอุทธรณ์ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 232 ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลชั้นต้นโดยเฉพาะ คำสั่งของศาลชั้นต้นเช่นนี้มิใช่เป็นคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ ซึ่งผู้อุทธรณ์อาจอุทธรณ์คำสั่งศาลนั้นไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 3 ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 234 ได้ ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในชั้นตรวจคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยว่า ให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียม ซึ่งจะต้องใช้แทนมาวางศาลภายในเวลาที่กำหนดก่อนจึงจะพิจารณาสั่งอุทธรณ์ของจำเลยนั้น จำเลยจึงยังไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว แม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยมาก็เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาจึงไม่อาจวินิจฉัยฎีกาของจำเลยได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้กันที่ดินโฉนดเลขที่
พร้อมสิ่งปลูกสร้าง และที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) เลขที่
พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกครึ่งหนึ่งก่อน แล้วให้จำเลยแบ่งที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างส่วนที่เหลือดังกล่าวให้แก่โจทก์ที่ ๒ และที่ ๓ คนละหนึ่งในสิบเอ็ดส่วน หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้นำที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวออกขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งแก่โจทก์ที่ ๒ และที่ ๓ ตามส่วนดังกล่าวข้างต้น และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ที่ ๒ และที่ ๓ โดยกำหนดค่าทนายความ ๑๐,๐๐๐ บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยนำค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แทนโจทก์ที่ ๒ และที่ ๓ มาวางศาลภายใน ๑๕ วัน จึงจะพิจารณาสั่งอุทธรณ์
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงปรากฏตามสำนวนคดีเบื้องต้นว่า ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาโดยให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ที่ ๒ และที่ ๓ โดยกำหนดค่าทนายความ ๑๐,๐๐๐ บาท จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้น โดยได้นำเงินค่าทนายความมาวางต่อศาลชั้นต้นพร้อมกับอุทธรณ์นั้น และได้ยื่นคำแถลงขอวางเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์จำนวน ๕,๕๐๐ บาท ตามทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ ๒๒๐,๐๐๐ บาท โดยจำเลยมิได้นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ที่ ๒ และที่ ๓ ตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยนำค่าฤชาธรรมเนียมดังกล่าวมาวางภายในกำหนด ๑๕ วัน จึงจะพิจารณาสั่งอุทธรณ์ของจำเลย จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลฎีกาเห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๙ บัญญัติให้เป็นหน้าที่ของผู้อุทธรณ์ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์นั้น ซึ่งค่าธรรมเนียมใช้แทนดังกล่าวนอกจากค่าทนายความแล้วยังรวมถึงค่าฤชาธรรมเนียมที่คู่ความอีกฝ่ายต้องเสียไปจากการดำเนินคดีในศาลชั้นต้นนั้นด้วย การที่จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยนำเพียงค่าทนายความใช้แทนมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ จึงเป็นการไม่ชอบด้วยบทกฎหมายดังกล่าว ซึ่งศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งไม่รับอุทธรณ์ได้ทันที แต่เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยมิได้จงใจหรือฝ่าฝืนที่จะไม่ปฏิบัติตามบทกฎหมายนั้น และมีคำสั่งกำหนดเวลาให้จำเลยปฏิบัติเสียให้ถูกต้องครบถ้วน เท่ากับศาลชั้นต้นได้เปิดโอกาสให้แก่จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลให้ถูกต้องครบถ้วนอีกครั้งหนึ่งก่อนที่ศาลชั้นต้นจะพิจารณาสั่งอุทธรณ์ของจำเลยว่าจะให้ส่งหรือปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ของจำเลยไปยังศาลอุทธรณ์ภาค ๓ อันเป็นกระบวนพิจารณาในชั้นตรวจคำฟ้องอุทธรณ์ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓๒ ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลชั้นต้นโดยเฉพาะ คำสั่งของศาลชั้นต้นเช่นนี้มิใช่เป็นคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ซึ่งผู้อุทธรณ์อาจอุทธรณ์คำสั่งศาลนั้นไปยังศาลอุทธรณ์ภาค ๓ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓๔ ได้ ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในชั้นตรวจคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยว่า ให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แทนมาวางศาลภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดก่อนจึงจะพิจารณาสั่งอุทธรณ์ของจำเลยนั้น จำเลยจึงยังไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว แม้ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยมาก็เป็นการไม่ชอบ การที่จำเลยฎีกาต่อมา ศาลฎีกาจึงไม่อาจวินิจฉัยฎีกาของจำเลยได้ เมื่อวินิจฉัยเช่นนี้แล้ว ฎีกาข้ออื่นของจำเลย ศาลฎีกาก็ไม่อาจวินิจฉัยได้เช่นกัน
พิพากษายกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค ๓ กับยกอุทธรณ์และฎีกาของจำเลย คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาทั้งหมดแก่จำเลย.