แหล่งที่มา : แผนกคดีเลือกตั้ง
ย่อสั้น
ผู้คัดค้านเคยสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภามาแล้วถึงสามครั้ง หลังจากที่ผู้คัดค้านไม่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาแทนตำแหน่งที่ว่างในปี 2556 ผู้คัดค้านก็ได้พบปะกับพี่น้องประชาชนและเข้าร่วมกิจกรรมกับพี่น้องประชาชนในโอกาสต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ อันเป็นการแสดงให้เห็นว่าผู้คัดค้านย่อมทราบได้ว่าสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดระนองจะครบวาระในวันที่ 2 มีนาคม 2557 และพึงคาดหมายได้ว่าจะต้องมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการทั่วไปขึ้น เนื่องจากถึงคราวครบวาระของสมาชิกวุฒิสภา การที่ผู้คัดค้านจัดทำปฏิทินประจำปี 2557 ขึ้นเพื่อแจกจ่ายแก่ประชาชนทั่วไปในจังหวัดระนอง เมื่อพิจารณาปฏิทินประจำปี 2557 ที่มีรูปหรือตราสัญลักษณ์พรรคประชาธิปัตย์ และภาพ ว. ซึ่งขณะนั้นเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระนองสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ปรากฏอยู่ส่วนบนและภาพของผู้คัดค้านอยู่ส่วนกลางแล้ว ย่อมทำให้บุคคลทั่วไปเยี่ยงวิญญูชนที่พบเห็นเข้าใจได้ว่า ผู้คัดค้านเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ และ ว. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระนองพรรคประชาธิปัตย์หรือได้รับความช่วยเหลือหรือสนับสนุนจากพรรคประชาธิปัตย์ และ ว. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระนองพรรคประชาธิปัตย์ หากผู้คัดค้านไม่ประสงค์ที่จะให้ผู้ที่พบเห็นปฏิทินดังกล่าวเข้าใจเช่นว่านั้นก็คงไม่มีเหตุผลใดที่ผู้คัดค้านจะต้องจัดทำปฏิทินที่ปรากฏภาพดังกล่าวเพื่อแจกจ่ายแก่ประชาชนทั่วไปในพื้นที่จังหวัดระนอง และปฏิทินปรากฏอยู่จนถึงวันเลือกตั้ง ดังนั้น การแจกปฏิทินที่มีตราสัญลักษณ์พรรคการเมืองกับภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนั้น ซึ่งสังกัดพรรคการเมืองจึงฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของกฎหมาย เป็นการอ้างหรือทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าพรรคการเมืองดังกล่าวสนับสนุนตนทั้งที่พรรคการเมืองไม่อาจสนับสนุนผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาคนใดได้ การกระทำดังกล่าวไม่ว่าจะเกิดขึ้นในเวลาใดๆ ก่อนเลือกตั้งหากเป็นการกระทำเพื่อจูงใจผู้มีสิทธิลงคะแนนให้เลือกตั้งตนเอง ย่อมเข้าหลักเกณฑ์ตาม พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 มาตรา 111 ประกอบมาตรา 122 กล่าวคือผู้สมัครผู้ใดกระทำการใดๆ โดยไม่สุจริตเพื่อที่จะให้ตนเองได้รับการเลือกตั้ง…ฝ่าฝืน พรบ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองทำให้การเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้นไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม จึงอยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งได้
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องว่า เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 กำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการทั่วไปในวันที่ 30 มีนาคม 2557 โดยในการเลือกตั้งดังกล่าว ผู้คัดค้านเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดระนอง หมายเลข 1 ต่อมาเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2557 ผู้ร้องได้ประกาศผลการเลือกตั้งให้ผู้คัดค้านเป็นสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดระนอง แต่ปรากฏว่าการเลือกตั้งในส่วนที่เกี่ยวกับผู้คัดค้านมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม เนื่องจากผู้คัดค้านได้แจกหรือเป็นผู้ก่อ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้บุคคลอื่นแจกปฏิทินประจำปี 2557 ซึ่งปฏิทินนั้นมีรูปหรือตราสัญลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ และภาพนายวิรัช ขณะนั้นยังดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระนอง พรรคประชาธิปัตย์ การแจกปฏิทินดังกล่าวของผู้คัดค้านให้แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเป็นการเอาเปรียบผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดระนองรายอื่นเป็นการจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้คัดค้านและมีเจตนาในการจัดทำปฏิทินดังกล่าวเพื่อใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งโดยให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทราบว่าผู้คัดค้านได้รับความช่วยเหลือและสนับสนุนจากพรรคประชาธิปัตย์ อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 มาตรา 53 (1) ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำโดยไม่สุจริตเพื่อที่จะให้ผู้คัดค้านได้รับเลือกตั้งมีผลให้การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดระนองในส่วนที่เกี่ยวกับผู้คัดค้านมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ขอให้คำสั่งตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 57/2557 ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2557 เรื่อง ให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญบางฉบับมีผลบังคับใช้ต่อไป ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 มาตรา 111 และมาตรา 122 ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้คัดค้านมีกำหนดห้าปี
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านได้จัดทำปฏิทินประจำปี 2557 ตามคำร้อง และมอบหมายให้นายปิยะรับไปแจกจ่ายให้แก่ประชาชนทั่วไปที่อำเภอละอุ่น 2,500 ฉบับ ที่อำเภอเมือง 6,200 ฉบับ นายประสิทธิ์รับไปแจกจ่ายที่อำเภอกระบุรี 6,000 ฉบับ นายสมเกียรติรับไปแจกจ่ายที่อำเภอสุขสำราญ 1,800 ฉบับ และนายสุมิตรรับไปแจกจ่ายที่อำเภอกะเปอร์ 3,500 ฉบับ แต่ได้แจกจ่ายเสร็จสิ้นก่อนระยะเวลาเก้าสิบวันก่อนวันครบวาระสมาชิกวุฒิสภา และการแจกปฏิทินดังกล่าวไม่เป็นเหตุที่จะจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงให้แก่ผู้คัดค้านแต่ประการใด ขอให้ยกคำร้อง
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งวินิจฉัยแล้ว ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการทั่วไป พ.ศ.2557 ในวันที่ 30 มีนาคม 2557 ก่อนมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ดังกล่าวผู้คัดค้านได้จัดทำปฏิทินประจำปี 2557 และมอบหมายให้นายปิยะ นายประสิทธิ์ นายสมเกียรติ และนายสุมิตร รับปฏิทินดังกล่าวไปแจกจ่ายให้แก่ประชาชนทั่วไปในท้องที่จังหวัดระนอง คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าที่ผู้คัดค้านมอบหมายให้นายปิยะ นายประสิทธิ์ นายสมเกียรติ และนายสุมิตร ไปแจกจ่ายปฏิทินประจำปี 2557ตามคำร้องให้แก่ประชาชนทั่วไปในท้องที่จังหวัดระนอง ทำให้ผู้คัดค้านได้รับประโยชน์ในการเลือกตั้งมีผลทำให้การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดระนองในส่วนที่เกี่ยวกับผู้คัดค้านมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมหรือไม่ ที่ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่าผู้คัดค้านได้แจกจ่ายปฏิทินประจำปี 2557 ตามคำร้องให้แก่ประชาชนทั่วไปในท้องที่จังหวัดระนองแต่ได้แจกจ่ายเสร็จสิ้นก่อนระยะเวลาเก้าสิบวัน ก่อนวันครบวาระสมาชิกวุฒิสภา และการแจกปฏิทินดังกล่าวไม่เป็นมูลเหตุให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงให้แก่ผู้คัดค้านนั้นได้ความจากนายชนซึ่งให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนว่าขณะที่ช่วยหาเสียงแนะนำตัวให้แก่นายคำนึงผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดระนอง หมายเลข 4 เมื่อไปถึงบ้านของนายวิโรฒ พบปฏิทินประจำปี 2557 ตามคำร้องแขวนไว้ที่ฝาผนังด้านนอกบ้านของนายวิโรฒ พยานจึงสอบถามนายวิโรฒถึงการได้รับปฏิทินดังกล่าวได้ความว่าได้รับแจกปฏิทินไม่ทราบว่าได้รับจากผู้ใด และนายวิโรฒได้มอบปฏิทินให้แก่พยาน ต่อมามีนายกาหริ่มนำปฏิทินตามคำร้องมามอบให้พยานบริเวณตลาดเทศบาลตำบลหงาว นายโสภณให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนว่า ขณะที่พยานและนายชนนเดินทางไปแจกแผ่นพับที่เทศบาลตำบลหงาวเพื่อแจกแผ่นพับแนะนำตัวนายคำนึง ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดระนอง หมายเลข 4 ได้พบกับนายกาหริ่มคนเคยรู้จักกันจึงได้แจกแผ่นพับให้และแสดงปฏิทินที่ได้รับจากนายวิโรฒให้นายกาหริ่มดู ซึ่งนายกาหริ่มบอกว่าที่บ้านก็มี เดี๋ยวจะเอามาให้ จากนั้นประมาณ 10 นาที นายกาหริ่มก็นำปฏิทินตามคำร้องมามอบให้แก่พยาน และนายวิโรฒให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนว่าพยานออกมาทำธุระส่วนตัวนอกบ้านและกลับถึงบ้านช่วงบ่ายพบปฏิทินดังกล่าววางอยู่ในกล่องรับจดหมายหน้าบ้านของพยานแต่ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้นำปฏิทินมาใส่ในกล่องจดหมายและวันดังกล่าวไม่มีใครอยู่ที่บ้าน พยานจึงนำปฏิทินไปแขวนไว้ที่ฝาผนังบ้าน นายกาหริ่ม ให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนว่า พยานออกมาทำธุระนอกบ้านกลับถึงบ้านช่วงบ่ายพบปฏิทินดังกล่าวเสียบอยู่ใต้หลังคาบ้าน พยานไม่ทราบว่าใครเป็นผู้นำปฏิทินมาเสียบไว้และได้ความจากผู้คัดค้านซึ่งให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนว่า ผู้คัดค้านเคยสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภามาแล้ว 3 ครั้ง แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง ผู้คัดค้านว่าจ้างบริษัทโรงพิมพ์ทองกมล จำกัด จัดทำปฏิทินประจำปี 2557 เพื่อแจกจ่ายแก่ประชาชนทั่วไป ผู้คัดค้านได้รับปฏิทินเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2556 แล้วมอบหมายให้นายปิยะ นายประสิทธิ์ นายสมเกียรติ นายสุมิตร ซึ่งเป็นบุคคลที่รู้จักและไว้ใจไปแจกจ่ายให้แก่ประชาชนโดยทั่วไปในพื้นที่รับผิดชอบ และผู้คัดค้านได้กำชับให้ทำการแจกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2556 ซึ่งอยู่นอกกรอบเวลาเก้าสิบวัน ก่อนวันครบวาระสมาชิกวุฒิสภา เห็นว่าจากข้อเท็จจริงที่ได้ความตามบันทึกถ้อยคำของพยานและผู้คัดค้านดังกล่าวข้างต้นผู้คัดค้านซึ่งเคยสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภามาแล้วถึงสามครั้ง ทั้งยังได้ความตามบันทึกถ้อยคำของผู้คัดค้านพร้อมบันทึกชี้แจงข้อกล่าวหาว่า หลังจากที่ผู้คัดค้านไม่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาแทนตำแหน่งที่ว่างในปี 2556ผู้คัดค้านก็ได้พบปะกับพี่น้องประชาชนและเข้าร่วมกิจกรรมกับพี่น้องประชาชนในโอกาสต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ อันเป็นการแสดงให้เห็นว่าผู้คัดค้านยังคงมีความสนใจและหวังผลในการสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งทางการเมืองในคราวถัดไป ผู้คัดค้านย่อมทราบได้ว่าสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดระนองจะครบวาระในวันที่ 2 มีนาคม 2557 ขึ้นเพื่อแจกจ่ายแก่ประชาชนทั่วไปในจังหวัดระนอง ทั้งยังได้กำชับให้นายปิยะ นายประสิทธิ์ นายสมเกียรติ นายสุมิตร ซึ่งเป็นบุคคลที่รู้จักและไว้ใจไปแจกจ่ายปฏิทินดังกล่าวให้แก่ประชาชนทั่วไปในพื้นที่รับผิดชอบให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2556 อันเป็นระยะเวลาก่อนเก้าสิบวันก่อนวันครบวาระสมาชิกวุฒิสภาทำให้เชื่อได้ว่าผู้คัดค้านมีความประสงค์ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดระนองในคราวถัดไป และจงใจกระทำการเพื่อหลีกเลี่ยงข้อห้ามตามมาตรา 49 (1) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 เมื่อพิจารณาปฏิทินประจำปี 2557 ตามเอกสารหมาย ร.39 แผ่นที่ 3 ที่มีรูปหรือตราสัญลักษณ์พรรคประชาธิปัตย์ และภาพนายวิรัช ซึ่งขณะนั้นเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระนองสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ปรากฏอยู่ส่วนบนและภาพของผู้คัดค้านอยู่ส่วนกลางแล้ว ย่อมทำให้บุคคลทั่วไปเยี่ยงวิญญูชนที่พบเห็นเข้าใจได้ว่า ผู้คัดค้านเกี่ยวข้องพรรคประชาธิปัตย์ และนายวิรัชสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระนองพรรคประชาธิปัตย์ หรือได้รับความช่วยเหลือหรือสนับสนุนจากพรรคประชาธิปัตย์ และนายวิรัชสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระนองพรรคประชาธิปัตย์ หากผู้คัดค้านไม่ประสงค์ที่จะให้ผู้ที่พบเห็นปฏิทินดังกล่าวเข้าใจเช่นว่านั้น ก็คงไม่มีเหตุผลใดที่ผู้คัดค้านจะต้องจัดทำปฏิทินที่ปรากฏภาพดังกล่าวเพื่อแจกจ่ายแก่ประชาชนทั่วไปในพื้นที่จังหวัดระนอง และปฏิทินปรากฏอยู่จนถึงวันเลือกตั้งนอกจากนั้นยังได้ความว่านายปิยะ นายประสิทธิ์ นายสมเกียรติ นายสุมิตร ซึ่งเป็นผู้ที่ผู้คัดค้านมอบหมายให้ไป แจกปฏิทินประจำปี 2557 ดังกล่าวในพื้นที่ที่แต่ละคนรับผิดชอบนั้นล้วนแต่เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 มาตรา 43 บัญญัติว่า “ห้ามมิให้พรรคการเมือง กรรมการบริหาร พรรคการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมืองช่วยเหลือหรือสนับสนุนผู้สมัครรับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือผู้เข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกวุฒิสภาเพื่อให้ได้รับการเลือกตั้งหรือได้รับการสรรหาเป็นสมาชิกวุฒิสภา ทั้งนี้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม” และมีโทษทางอาญาตามมาตรา 111 ซึ่งบัญญัติว่า “กรรมการบริหารพรรคการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมืองผู้ใด ช่วยเหลือหรือสนับสนุนผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือผู้เข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกวุฒิสภาตามมาตรา 43 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ” ส่วนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 มาตรา 49 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “…วิธีการหาเสียงเลือกตั้ง…ให้เป็นไปตามบทบัญญัติ ในส่วนนี้และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง” ซึ่งบทบัญญัติ ในมาตรา 122ให้นำมาใช้บังคับกับการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาด้วย ดังนั้น การแจกปฏิทินที่มีตราสัญลักษณ์พรรคการเมืองกับภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดซึ่งสังกัดพรรคการเมืองจึงฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของกฎหมาย เป็นการอ้างหรือทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าพรรคการเมืองดังกล่าวสนับสนุนตน ทั้งที่พรรคการเมืองไม่อาจสนับสนุนผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาคนใดได้ การกระทำดังกล่าวไม่ว่าจะเกิดขึ้นในเวลาใดๆ ก่อนเลือกตั้ง หากเป็นการกระทำเพื่อจูงใจผู้มีสิทธิลงคะแนนให้เลือกตั้งตนเอง ย่อมเข้าหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 มาตรา 111 ประกอบมาตรา 122 กล่าวคือ ผู้สมัครผู้ใดกระทำการใดๆ โดยไม่สุจริตเพื่อที่จะให้ตนเองได้รับการเลือกตั้ง… ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยพรรคการเมืองทำให้การเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้นไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมจึงอยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งได้คดีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ากรณีเป็นไปตามคำร้องของผู้ร้องคำคัดค้านของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น
จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนายศักดาผู้คัดค้านมีกำหนดห้าปีนับแต่วันมีคำสั่ง