คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1124/2546

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยและนัดฟังคำพิพากษาโดยสอบถามโจทก์และจำเลย โดยต่างคนต่างแถลงตามข้ออ้างและข้อเถียงของตน มิได้แถลงรับข้อเท็จจริงอันสำคัญในประเด็นที่โต้แย้ง ข้อเท็จจริงจึงยังไม่ยุติ และข้อเท็จจริงตามคำฟ้องคำให้การและคำแถลงของคู่ความยังไม่เพียงพอวินิจฉัยชี้ขาดคดีได้ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์และจำเลยทั้งสองจึงไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดิน และต่างปลูกบ้านอาศัยและครอบครองที่ดินเป็นส่วนสัดเป็นเวลาหลายสิบปี จำเลยที่ 2 ขออาศัยโจทก์และมารดาโจทก์ปลูกบ้านเพื่อขายของในที่ดินส่วนของโจทก์ เมื่อโจทก์และจำเลยที่ 1 ร่วมกันยื่นคำขอรังวัดแบ่งแยกโฉนด จำเลยที่ 2 ได้อายัดการแบ่งแยกที่ดินโดยอ้างว่าได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายจากจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงแจ้งยกเลิกการรังวัดแบ่งแยก ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้พิพากษาเพิกถอนหนังสือแจ้งยกเลิกการรังวัดของจำเลยที่ 1 ให้โจทก์จดทะเบียนแบ่งแยกโฉนดที่ดินที่ได้รังวัดแล้วไปฝ่ายเดียวโดยถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาแทนจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 และบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์ ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าเสียหายปีละ 1,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์เสร็จ และให้พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีอำนาจขายที่ดินส่วนที่โจทก์ครอบครองให้แก่จำเลยที่ 2 สัญญาดังกล่าวเป็นโมฆะ และที่ดินส่วนที่เป็นของโจทก์ไม่ผูกพันตามคำพิพากษาตามยอม ตามสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างจำเลยทั้งสองในคดีหมายเลขแดงที่ 15/2543 ของศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา

จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาทกับนางแถม บุญนุกูล มารดาโจทก์ และมิได้มีการแบ่งการครอบครองเป็นส่วนสัดจำเลยที่ 2ได้ขอซื้อที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 1 แล้วเข้าครอบครองปลูกบ้านอยู่อาศัยจนถึงปัจจุบัน เมื่อนางแถมถึงแก่กรรมโจทก์จึงขอรับมรดกส่วนของนางแถม ต่อมาโจทก์และจำเลยที่ 1 ยื่นคำขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อแบ่งที่ดินให้โจทก์ จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ตามที่ปลูกบ้านอาศัยอยู่ แต่ในการรังวัดจำเลยที่ 1 ไม่ได้ไปชี้แนวเขตด้วยเนื่องจากอายุมาก เมื่อมาทราบภายหลังว่าโจทก์แบ่งแยกไม่เป็นไปตามข้อตกลงจึงแจ้งยกเลิกการรังวัด โจทก์ยังคงมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินอันเป็นส่วนของโจทก์ ปัจจุบันจำเลยที่ 2 ได้เข้าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในโฉนดที่ดินพิพาทซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินออกใบแทนโฉนดที่ดินฉบับเดิมแล้ว ขอให้ยกฟ้อง

ในวันนัดชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นสอบถามข้อเท็จจริงจากโจทก์และจำเลยทั้งสองแล้วมีคำสั่งงดชี้สองสถานและงดสืบพยาน

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาและคำสั่งงดสืบพยาน

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดชี้สองสถานและงดสืบพยานและยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยทั้งสองและคำพิพากษาศาลชั้นต้นชอบหรือไม่เห็นว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยทั้งสองและนัดฟังคำพิพากษาโดยสอบถามโจทก์และจำเลยทั้งสองทีละคน โจทก์และจำเลยทั้งสองก็ได้แถลงต่อศาล โดยต่างคนต่างแถลงตามข้ออ้างและข้อเถียงของตน มิได้แถลงรับข้อเท็จจริงอันสำคัญในประเด็นที่โต้เถียง ข้อเท็จจริงที่ว่า โจทก์และจำเลยที่ 1 แบ่งแยกการครอบครองที่ดินพิพาทเป็นส่วนสัดหรือไม่ โจทก์และจำเลยที่ 1 ตกลงแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมตามคำขอแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมหรือไม่ เจ้าพนักงานที่ดินได้ทำการรังวัดแบ่งกรรมสิทธิ์รวมชอบหรือไม่ จำเลยที่ 2 ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินพิพาทโดยขออาศัยนางแถมและโจทก์หรือไม่และโจทก์ได้รับความเสียหายหรือไม่เพียงใด จึงยังไม่ยุติข้อเท็จจริงตามคำฟ้องคำให้การและคำแถลงของคู่ความยังไม่เพียงพอวินิจฉัยชี้ขาดคดีได้ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์และจำเลยทั้งสองจึงไม่ชอบ มีผลให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นย่อมไม่ชอบไปด้วย ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า จำเลยที่ 2 ถือกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาทด้วยคนหนึ่งแล้วคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้นชอบแล้ว ทำนองว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 จะแบ่งกรรมสิทธิ์รวมโดยจำเลยที่ 2 ผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมคนหนึ่งไม่ยินยอมด้วยหาได้ไม่ โจทก์จึงฟ้องขอให้เพิกถอนหนังสือยกเลิกการรังวัดแล้วให้จดทะเบียนแบ่งแยกโฉนดที่ดินตามที่รังวัดไว้แล้วไม่ได้นั้น เห็นว่า จำเลยที่ 2 เพิ่งมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมเฉพาะส่วนในที่ดินพิพาทหลังจากที่โจทก์กับจำเลยที่ 1 ไปขอรังวัดแบ่งกรรมสิทธิ์รวมและหลังจากที่มีการฟ้องคดีนี้แล้ว ทั้งจำเลยที่ 2 มีชื่อถือกรรมสิทธิ์รวมก็โดยรับโอนที่ดินจากส่วนของจำเลยที่ 1 เท่านั้น มิได้รับโอนที่ดินจากส่วนของโจทก์ด้วย จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้รับโอนจึงมีสิทธิในที่ดินเท่าที่จำเลยที่ 1 ผู้โอนมีอยู่เท่านั้น หาได้ผูกพันที่ดินส่วนของโจทก์ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่งดสืบพยานและคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ชอบนั้น ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share