คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1122/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมอบให้ ส. เป็นตัวแทนทำสัญญาจะขายที่ดินให้โจทก์แล้วจำเลยผิดสัญญาไม่จัดการโอนให้ ดังนี้ การที่ศาลวินิจฉัยว่า ส. เป็นตัวแทนเชิดของจำเลยมิใช่เป็นการวินิจฉัยยกฟ้องเพราะตัวแทนกับตัวแทนเชิดก็มีความรับผิด ในลักษณะอย่างเดียวกัน และมีมาตรา 798 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติถึงการตั้งตัวแทนว่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือหรือต้องทำเป็นหนังสือนั้น ใช้แก่กรณีที่มีการตั้งตัวแทนจริง ๆ ส่วนการเชิดบุคคลเป็นตัวแทนตามมาตรา 821 นั้นใช้แก่กรณีที่มิได้มีการตั้งตัวแทนจริงจังตามกฎหมาย ดังนั้น การที่จำเลยเชิดส. เป็นตัวแทนในการทำสัญญาจะขายที่ดินจึงนำมาตรา 798 มาบังคับไม่ได้
ส. ทำสัญญาจะขายที่ดินให้โจทก์โดยมิได้ระบุว่าทำให้ฐานเป็นตัวแทนจำเลย ดังนี้ โจทก์นำสืบพยานบุคคลว่า ส.เป็นตัวแทนของจำเลยได้ หาใช่เป็นการนำสืบเพิ่มเติมตัดทอนเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในสัญญาจะซื้อขายดังกล่าวไม่ เพราะสัญญาจะซื้อขายที่โจทก์และส. ได้ทำกันไว้ก็ยังคงผูกพันกันตามเอกสารดังกล่าว การนำสืบพยานบุคคลของโจทก์เป็นแต่เพียงการนำสืบความจริงว่าจำเลยเป็นตัวการของ ส. เพื่อให้จำเลยเข้ามารับผิดแทน ส.เท่านั้น (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 420/2491)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ตกลงจะขายที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๖๖๑ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ให้โจทก์ โจทก์วางเงินมัดจำไว้ ๑๐,๐๐๐ บาท จำเลยสัญญาว่าจะโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ภายในเดือนธันวาคม ๒๕๑๒ ถ้าผิดสัญญายอมให้ปรับ ๑๐,๐๐๐ บาท ให้การนี้จำเลยได้มอบให้นายสุทิน กลับเจริญ เป็นตัวแทนทำสัญญาจะขาย ครั้นครบกำหนดตามสัญญาจำเลยกลับเพิกเฉย โจทก์จึงบอกเลิกสัญญา ขอให้บังคับจำเลยคืนเงินมัดจำและค่าปรับ รวม ๒๐,๐๐๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยตกลงจะขายที่ดินตามฟ้องและไม่เคยได้รับเงินค่ามัดจำ ๑๐,๐๐๐ บาทจากโจทก์ จำเลยไม่ได้มอบหมายให้นายสุทินเป็นตัวแทนในการทำสัญญาจะซื้อขายกับโจทก์ ที่ดินตามฟ้องเป็นกรรมสิทธิ์ของนายสุทินโจทก์ทำสัญญาจะซื้อขายจะขายกับนายสุทิน การจะซื้ออสังหาริมทรัพย์ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ การตั้งตัวแทนในการจะซื้อขายอสังหาริมทรัพย์จึงต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ โจทก์จะอ้างว่านายสุทินเป็นตัวแทนของจำเลยไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ โจทก์จะอ้างว่านายสุทินเป็นตัวแทนของจำเลยไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยโดยความรู้เห็นเป็นใจกับนายสุทินจึงยอมให้นายสุทินทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกับโจทก์แทนจำเลย แม้การตั้งตัวแทนจะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือแต่จำเลยได้เชิดนายสุทินเป็นตัวแทน จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๒๑ พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๒๐,๐๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า สัญญาจะซื้อขายรายนี้โจทก์ผู้จะซื้อได้วางเงินมัดจำไว้กับผู้จะขายแล้ว ในกรณีเช่นนี้ไม่จำต้องมีหลักฐานในการซื้อขายเป็นหนังสือ ดังนั้นการตั้งตัวแทนจึงไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือก็ย่อมฟ้องร้องให้บังคับคดีกันได้ ทั้งโจทก์มิได้นำสืบนอกฟ้อง พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาจำเลยวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาคดีนี้ไม่มีประเด็นเรื่องตัวแทนเชิดนั้น เห็นว่า โจทก์ได้บรรฟ้องว่า นายสุทิน เป็นตัวแทนของจำเลยในการทำสัญญาจะขายที่ดิน ฉะนั้น การที่ศาลวินิจฉัยว่า นายสุทิน เป็นตัวแทนเชิดของจำเลย จึงมิใช่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องแต่ประการใด เพราะตัวแทนกับตัวแทนเชิดก็มีความรับผิดในลักษณะอย่างเดียวกัน ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า การตั้งตัวแทนไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ต้องห้ามมิให้ฟ้องร้องนั้น เห็นว่าที่มาตรา ๗๙๘ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติถึงการตั้งตัวแทนว่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือหรือต้องทำเป็นหนังสือนั้น ใช้แก่กรณีที่มีการตั้งตัวแทนจริง ๆ ส่วนการเชิดบุคคลเป็นตัวแทนตามมาตรา ๘๒๑ นั้นใช้แก่กรณีที่มิได้มีการตั้งตัวแทนจริงจังตามกฎหมาย ซึ่งในกรณีนี้จะนำมาตรา ๗๘๙ มาบังคับไม่ได้ ที่จำเลยฎีกาว่า คดีนี้โจทก์จะนำสืบว่านายสุทินเป็นตัวแทนของจำเลยไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมมาตรา ๙๔ นั้น เห็นว่า การที่โจทก์นำสืบพยานบุคคลว่านายสุทินเป็นตัวแทนของจำเลยได้ หาใช่เป็นการนำสืบเพิ่มเติมตัดทอนเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในสัญญาจะซื้อขายไม่ เพราะสัญญาจะซื้อขายที่โจทก์และสุทิน ได้ทำกันไว้ก็ยังคงผูกพันกันตามเอกสารดังกล่าว การนำสืบพยานบุคคลของโจทก์เป็นแต่เพียงการนำสืบความจริงว่าจำเลยเป็นตัวการของนายสุทิน เพื่อให้จำเลยเข้ามารับผิดแทน นายสุทิน เท่านั้น ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๘๒๐/๒๔๙๑
พิพากษายืน

Share