คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1121/2546

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยว่า ข้อตกลงการหย่ามีข้อความเป็นพินัยกรรมหรือไม่ ดังนั้น การที่จะวินิจฉัยว่า ข้อตกลงการหย่าเป็นพินัยกรรมหรือไม่หรือหากจะฟังว่าเป็นพินัยกรรมอันจะทำให้ผู้คัดค้านที่ 1 ถูกตัดมิให้รับมรดกของผู้ตาย ผลของคดีที่ศาลไม่ตั้งผู้คัดค้านที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกร่วมก็ไม่เปลี่ยนแปลงเนื่องจากผู้คัดค้านที่ 2 มิได้อุทธรณ์ อุทธรณ์ของผู้ร้องที่ว่า ข้อตกลงการหย่าเป็นพินัยกรรมตัดผู้คัดค้านที่ 2 มิให้รับมรดกจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง แม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ก็เป็นการไม่ชอบ ผู้คัดค้านที่ 2 ไม่มีสิทธิ์ฎีกาต่อมา

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ผู้คัดค้านทั้งสองยื่นคำร้องคัดค้านขอให้ยกคำร้องขอของผู้ร้องและมีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย หรือตั้งผู้คัดค้านทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายร่วมกับผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งตั้งนางสาวศรีอรุณ กลิ่นรอด ผู้ร้องกับนางสาวสุชาดา น้อมสูงเนิน ผู้คัดค้านที่ ๑ ร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดกของจ่าสิบตำรวจพีระพล กลิ่นรอด ผู้ตาย โดยให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านที่ ๒ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่า…ศาลชั้นต้นตั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ ๑ เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายร่วมกัน โดยฟังว่าผู้ร้องเป็นทายาทของผู้ตาย ผู้คัดค้านที่ ๑ เป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินของผู้ตาย ทั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ ๑ สมควรเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย โดยมิได้วินิจฉัยว่าหนังสือข้อตกลงการหย่าเป็นพินัยกรรมหรือไม่ เนื่องจากว่าคู่ความทั้งสองฝ่ายไม่ได้นำพยานหลักฐานเข้าสืบถึงแบบของพินัยกรรมและความสมบูรณ์ของพินัยกรรม ทั้งมิได้วินิจฉัยว่าผู้คัดค้านที่ ๒ เป็นทายาทที่มีสิทธิรับมรดกอันจะร้องคัดค้านหรือขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดกและตั้งผู้คัดค้านที่ ๒ เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายด้วย เมื่อผู้คัดค้านที่ ๒ มิได้อุทธรณ์ การที่ผู้ร้องอุทธรณ์ว่า หนังสือข้อตกลงการหย่าเป็นพินัยกรรม และพินัยกรรมมีผลเป็นการตัดผู้คัดค้านที่ ๒ มิให้รับมรดกของผู้ตาย ผู้คัดค้านที่ ๒ จึงไม่มีสิทธิเป็นผู้คัดค้านคดีนี้นั้น เห็นว่าการที่จะวินิจฉัยว่าหนังสือข้อตกลงการหย่าเป็นพินัยกรรมหรือไม่ หรือแม้หากจะเป็นพินัยกรรมอันมีลักษณะทำให้ผู้คัดค้านที่ ๒ ถูกตัดมิให้รับมรดกของผู้ตาย ผลของคดีที่ศาลไม่ตั้งผู้คัดค้านที่ ๒ เป็นผู้จัดการมรดกร่วมก็ไม่เปลี่ยนแปลง อุทธรณ์ของผู้ร้องในข้อนี้จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๒๕ วรรคหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยโดยฟังว่า บันทึกข้อตกลงการหย่าเป็นพินัยกรรมและมีผลเป็นการตัดผู้คัดค้านที่ ๒ มิให้รับมรดกของผู้ตายนั้น จึงเป็นการไม่ชอบ ผู้คัดค้านที่ ๒ จึงไม่มีสิทธิฎีกาในปัญหานี้ต่อมา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย…
อนึ่ง คำสั่งของศาลชั้นต้นมิได้สั่งว่าจะยกคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านที่ ๒ หรือไม่จึงเป็นการไม่ชอบ ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแต่ให้ยกคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านที่ ๒ ด้วยนั้น ศาลฎีกาเห็นด้วยในผล นอกจากนี้ศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายและศาลอุทธรณ์ก็มิได้พิพากษาแก้ไข ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้องเสียด้วย
พิพากษายืน แต่ให้ยกฎีกาของผู้คัดค้านที่ ๒ คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้แก่ผู้คัดค้านที่ ๒ ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share