คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2546

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คดีแพ่งเรื่องก่อน ส. ฟ้อง ต. และ ม. ขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์และขับไล่ อ้างว่า ต. และ ม. ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทับที่ดินของ ส. เมื่อ ต. และ ม. ได้อ้างสิทธิความเป็นเจ้าของรวมขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ถือได้ว่าเป็นการใช้สิทธิอันเกิดแต่การเป็นเจ้าของรวมเพื่อต่อสู้บุคคลภายนอกแทนโจทก์คดีนี้ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมกับ ต. และ ม. ด้วย คดีดังกล่าวถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์และขับไล่ การที่โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องจำเลยซึ่งเป็นทายาทของ ส. ขอให้พิพากษาว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของโจทก์โดยต้องการนำพยานหลักฐานที่ตรวจพบใหม่มาแสดงเพื่อให้ศาลรับฟังว่า ส. ไม่ได้เป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยานายตุ้น นิยะกิจ อยู่กินเป็นสามีภริยากันมา ตั้งแต่ปี 2492 โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส จำเลยที่ 1 เป็นภริยานายสำรอง ชนชนะ จำเลยที่ 2เป็นน้องนายสำรอง เมื่อปี 2523 นายสำรองได้ร่วมกับพวกเป็นโจทก์ฟ้องนายตุ้นและนายเติมหรือจงรักษ์ นิยะกิจ กับพวกเป็นจำเลยในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 297/2523 หมายเลขแดงที่ 130/2538 (ที่ถูก 130/2528) ของศาลชั้นต้นขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 2300 เล่ม 23 ข. หน้า 50 เลขที่ดิน 106 และขับไล่ออกจากที่ดินดังกล่าว อ้างว่านายตุ้นและนายเติมออก น.ส.3 ทับที่ดินของนายสำรอง ระหว่างดำเนินคดีนายสำรองถึงแก่ความตายศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งจำเลยที่ 1เป็นผู้จัดการมรดกของนายสำรองและจำเลยที่ 1 ได้เข้าเป็นคู่ความแทนนายสำรอง คดีดังกล่าวศาลฎีกาพิพากษาถึงที่สุดให้เพิกถอน น.ส.3 เลขที่ 2300 และขับไล่โจทก์ออกจากที่ดินในฐานะเป็นบริวารของนายตุ้นโดยผิดหลงเพราะจำเลยที่ 1 ซึ่งเข้าเป็นคู่ความแทนนายสำรองได้นำพยานหลักฐานเท็จไปแสดงต่อศาลว่านายสำรองได้ครอบครองที่ดินตาม น.ส.3 เลขที่ 2300 ความจริงโจทก์ นายตุ้น และนายเติมเป็นผู้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวตลอดมา หลังจากศาลฎีกาพิพากษาแล้ว ได้มีการเพิกถอนน.ส.3 เลขที่ 2300 ตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 และโจทก์ได้ถูกรื้อถอนบ้านเรือนบังคับให้ออกจากที่ดินในฐานะบริวารของนายตุ้น โดยยังไม่มีโอกาสได้โต้แย้ง โจทก์เพิ่งจะทราบความจริงโดยตรวจพบหลักฐานใหม่ว่านายสำรองไม่เคยมีที่ดินอยู่ในบริเวณดังกล่าว โจทก์เป็นบุคคลภายนอกจึงมีสิทธินำคดีมาฟ้องเพื่อพิสูจน์ว่าโจทก์มีสิทธิดีกว่านายสำรอง คำพิพากษาศาลฎีกาในคดีดังกล่าวไม่ผูกพันโจทก์ ต่อมาศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งตั้งจำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกของนายสำรองแทนจำเลยที่ 1 ปัจจุบันทางราชการได้เดินสำรวจที่ดินบริเวณที่ดินตาม น.ส.3 เลขที่ 2300 เพื่อออกโฉนดที่ดินให้แก่ราษฎร โจทก์จึงไปติดต่อเจ้าพนักงานผู้เดินสำรวจขอให้ออกโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวให้แก่โจทก์แต่จำเลยทั้งสองคัดค้านโดยอ้างคำพิพากษาศาลฎีกาซึ่งวินิจฉัยโดยผิดหลงดังกล่าวทำให้เจ้าพนักงานไม่ออกโฉนดที่ดินให้โจทก์ ขอให้พิพากษาว่าที่ดินตาม น.ส.3 เลขที่ 2300 เล่ม 23 ข. หน้า 50 เลขที่ดิน 106 ตำบลดอนสัก อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยทั้งสองเกี่ยวข้องและให้จำเลยทั้งสองไปถอนคำคัดค้านการขอออกโฉนดที่ดินของโจทก์ หากจำเลยทั้งสองไม่ไป ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา

ศาลชั้นต้นพิจารณาคำฟ้องแล้ววินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำกับคดีที่ศาลฎีกาพิพากษาขับไล่นายตุ้น นิยะกิจ สามีโจทก์จึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในชั้นฎีกาฟังได้ว่า โจทก์เป็นภริยานายตุ้น นิยะกิจจำเลยที่ 1 เป็นภริยานายสำรอง ชนชนะ ซึ่งถึงแก่ความตายไปแล้ว จำเลยที่ 1 เคยได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกของนายสำรอง จำเลยที่ 2 เป็นน้องนายสำรองและได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกของนายสำรองแทนจำเลยที่ 1 ก่อนคดีนี้นายสำรองและจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องนายตุ้นและนายเติมหรือจงรักษ์ นิยะกิจ กับพวกเป็นจำเลยในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 130/2528 ของศาลชั้นต้น ขอให้เพิกถอน น.ส.3เลขที่ 2300 เล่ม 23 ข. หน้า 50 เลขที่ดิน 106 ตำบลดอนสัก อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี และขับไล่นายตุ้นกับนายเติมออกจากที่ดินตาม น.ส.3 ดังกล่าว แล้วนายสำรองได้ถึงแก่ความตายไปในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น และจำเลยที่ 1ได้เข้าเป็นคู่ความแทนนายสำรอง คดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้วโดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่านายสำรองเป็นฝ่ายครอบครองที่ดินตาม น.ส.3 เลขที่ 2300 พิพากษาให้เพิกถอน น.ส.3เลขที่ 2300 และขับไล่นายตุ้น นายเติมกับบริวารออกไปจากที่ดินดังกล่าว ที่ดินพิพาทที่โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่าเป็นของโจทก์และห้ามจำเลยทั้งสองเกี่ยวข้องในคดีนี้เป็นที่ดินแปลงเดียวกับที่ดินในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 130/2528 ของศาลชั้นต้น มีปัญหาวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ 130/2528 ของศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 2300 ซึ่งโจทก์อ้างเป็นเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 มีชื่อนายตุ้นและนายเติมเป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาท โจทก์ฟ้องคดีนี้โดยอ้างว่าโจทก์ นายตุ้นและนายเติมได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทตลอดมา ซึ่งเป็นการอ้างสิทธิความเป็นเจ้าของร่วมกับนายตุ้นและนายเติมในที่ดินพิพาทและในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 130/2528 ของศาลชั้นต้น นายตุ้นและนายเติมซึ่งเป็นเจ้าของรวมในที่ดินพิพาทได้อ้างสิทธิความเป็นเจ้าของขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ถือได้ว่าเป็นการใช้สิทธิอันเกิดแต่การเป็นเจ้าของรวมเพื่อต่อสู้บุคคลภายนอกแทนโจทก์คดีนี้ด้วย การที่โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องโดยต้องการนำพยานหลักฐานที่ตรวจพบใหม่มาแสดงเพื่อให้ศาลรับฟังว่านายสำรองไม่ได้เป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันดังที่ศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 130/2538ของศาลชั้นต้น ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 130/2528 ของศาลชั้นต้น ที่ศาลล่างทั้งสองไม่รับคำฟ้องของโจทก์จึงชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share