แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงมาว่า จำเลยแสดงข้อความในเอกสารหมาย จ.1 อันเป็นการใส่ความโจทก์ต่อ ธ.โดยมุ่งหวังให้โจทก์ต้องถูกบริษัท บ. ไล่ออกจากงาน จึงไม่เป็นการแสดงข้อความเอกสารหมาย จ.1 โดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม จำเลยฎีกาว่า ธ.เป็นผู้บังคับบัญชาโจทก์ เป็นกรรมการและได้รับมอบอำนาจจากบริษัทบ.ให้ฟ้องเรียกหนี้จากจำเลย โจทก์เป็นผู้รับมอบอำนาจช่วงจากธ. ได้ฟ้องคดีแพ่งกลั่นแกล้งยึดทรัพย์จำเลย จนจำเลยไม่อาจทำการค้าได้และยังแจ้งความดำเนินคดีอาญาเกี่ยวกับเช็ค นำเจ้าพนักงานตำรวจไปจับจำเลยในที่สาธารณะเป็นเหตุให้จำเลยอับอายและเสียหาย จำเลยจึงมีสิทธิไปแจ้งความจริงที่จำเลยได้รับการกลั่นแกล้งจากโจทก์ต่อ ธ. และไปพบเกี่ยวกับหนี้สินที่จำเลยจะชำระให้แก่บริษัท บ. ทั้งนี้เพื่อความชอบธรรมป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย ถือว่าจำเลยใช้สิทธิโดยสุจริต เป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมาว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นการแสดงข้อความโดยสุจริตจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218ภ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันใส่ความโจทก์โดยการโฆษณาด้วยเอกสารต่อนายธนา เลียวบุรินทร์บุคคลที่สามซึ่งเป็นกรรมการบริษัทบอร์เนียว (ประเทศไทย) จำกัดขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 326, 328
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วคดีมีมูลให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการโฆษณาด้วยเอกสารไม่ผิดมาตรา 328 แห่งประมวลกฎหมายอาญาพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 จำคุกคนละ 1เดือนและปรับคนละ 1,000 บาทจำเลยทั้งสองไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน สมควรให้โอกาสจำเลยที่ 1 ที่ 2 กลับตัวเป็นพลเมืองดีรอการลงโทษจำคุกไว้ 1 ปีไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 คำขออื่นให้ยก
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่ารับฎีกาเฉพาะข้อกฎหมายข้อ 3 ที่ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329 (1) หรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคดีนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 และศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงในปัญหาที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกามาว่า จำเลยแสดงข้อความในเอกสารหมาย จ.1 อันเป็นการใส่ความโจทก์ต่อนายธนาเลียวบุรินทร์โดยมุ่งหวังให้โจทก์ต้องถูกบริษัทบอร์เนียว(ประเทศไทย) จำกัดไล่ออกจากงาน จึงไม่เป็นการแสดงข้อความเอกสารหมาย จ.1 โดยสุจริตเพื่อความชอบธรรมป้องกันตนหรือส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม จำเลยทั้งสองฎีกาว่านายธนา เลียวบุรินทร์เป็นผู้บังคับบัญชาโจทก์เป็นกรรมการและได้รับมอบอำนาจจากบริษัทบอร์เนียว (ประเทศไทย) จำกัดให้ฟ้องเรียกหนี้จากจำเลย โจทก์เป็นผู้รับมอบอำนาจช่วงจากนายธนา เลียวบุรินทร์ได้ฟ้องคดีแพ่งกลั่นแกล้งยึดทรัพย์จำเลยจนจำเลยไม่อาจทำการค้าได้และยังแจ้งความดำเนินคดีอาญาเกี่ยวกับเช็คนำเจ้าพนักงานตำรวจไปจับจำเลยในที่สาธารณะเป็นเหตุให้จำเลยอับอายและเสียหาย จำเลยจึงมีสิทธิไปแจ้งความจริงที่จำเลยได้รับการกลั่นแกล้งจากโจทก์ต่อนายธนา เลียวบุรินทร์และไปพบเกี่ยวกับหนี้สินที่จำเลยจะชำระให้แก่บริษัทบอร์เนียว (ประเทศไทย) จำกัดได้ทั้งนี้เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้งอกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายถือว่าจำเลยใช้สิทธิโดยสุจริต เห็นว่าฎีกาของจำเลยทั้งสองเป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมาว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นการแสดงข้อความโดยสุจริตจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาของจำเลยทั้งสอง.