คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1000/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินทำสัญญาให้เช่าที่ดินเพื่อให้เช่าช่วงปลูกห้องแถว ผู้เช่าที่ดินได้โอนการเช่าที่ดินกันต่อมาจนถึงจำเลย ภายหลังโจทก์จำเลยเป็นความกัน ศาลพิพากษาให้จำเลยส่งมอบที่ดินซึ่งจำเลยเช่าคืนให้โจทก์ผู้เช่าห้องแถวย่อมไม่ใช่เป็นผู้เช่าช่วงที่ดิน ถือว่าเป็นบริวารของจำเลย

ย่อยาว

คดีนี้คำพิพากษาถึงที่สุด ให้จำเลยส่งมอบที่ดินซึ่งจำเลยเช่าคืนให้โจทก์ กับใช้ค่าเสียหาย ในชั้นบังคับคดี โจทก์ยื่นคำร้องขอให้บังคับบริวารของจำเลยซึ่งไม่ออกจากที่พิพาท ผู้ร้อง 21 คนร้องว่าตนไม่ใช่บริวารของจำเลย ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่านายเซ่งฮ้อกับพวกรวม 6 คน เป็นผู้เช่าช่วงที่ดินของโจทก์ไม่ใช่บริวารของจำเลย ส่วนนายเท่งอี้กับพวกรวม 15 คน ฟังได้ว่าเป็นบริวารของจำเลย จึงให้ยกคำร้องของนายเท่งอี้กับพวก รวม 15 คนเสีย

นายเท่งอี้กับพวก รวม 15 คน อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังว่านายเท่งอี้กับพวกเป็นผู้เช่าช่วงห้องแถวของโจทก์ จึงพิพากษาแก้ให้ยกคำขอของโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์และผู้ร้องรับกันว่านายลิ่มจั๊วเช่าที่ดินของโจทก์เพื่อให้เช่าช่วงปลูกห้องแถวอยู่อาศัยเองบ้าง และนายลิ่มจั๊วปลูกให้เช่าบ้างโดยความยินยอมของโจทก์ ต่อมานายลิ่มจั๊วได้โอนการเช่าให้นายคุณตี๋จำเลยกับพวกเช่าต่อจากโจทก์และได้โอนการเช่าต่อกันมาจนถึงจำเลยที่ 1 กับพวก โดยความยินยอมของโจทก์ และให้เอาที่ดินไปให้เช่าช่วงได้ ส่วนผู้ร้อง 15 คนนี้ เป็นผู้เช่าห้องแถว มิได้เป็นผู้เช่าที่ดินอันเป็นทรัพย์สินที่โจทก์ให้จำเลยเช่า ศาลฎีกาเห็นว่า ห้องแถวที่นายลิ่มจั๊วปลูกยังเป็นของนายลิ่มจั๊วเมื่อนายลิ่มจั๊วเลิกเช่าโดยโอนสิทธิการเช่าและโอนกันต่อไปจนถึงจำเลย สภาพของห้องแถวเป็นของผู้เช่าเดิมอย่างไรตามสัญญา ก็ตกอยู่ในสิทธิของผู้เช่าที่รับโอนสิทธิที่จะให้เช่าต่อมาในสภาพเดียวกันและการเช่าช่วงที่โจทก์อนุญาตไว้ในสัญญา ก็หมายความถึงการเช่าช่วงทรัพย์สินที่เช่าหรือที่ดินนั่นเอง ผู้ร้อง 15 คนมิใช่ผู้เช่าช่วงที่ดินของโจทก์ จึงได้ชื่อว่าอยู่ในที่ดินในฐานะบริวารของจำเลย

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำสั่งศาลชั้นต้น

Share