คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีส่วนอาญา ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
จำเลยไปขอออก น.ส.3 สำหรับที่พิพาท โจทก์ร้องคัดค้านเจ้าหน้าที่เปรียบเทียบไม่ตกลง และสั่งให้โจทก์มาฟ้องภายใน 30 วัน โจทก์ไม่ฟ้อง จนเวลาล่วงเลยเกินกว่าปี เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทอยู่ โจทก์ก็ไม่จำเป็นต้องฟ้องภายในกำหนดดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน 1 แปลง มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินคือ น.ส.3 ขี้นทะเบียนแล้ว โจทก์ได้ครอบครองเป็นเจ้าของและทำประโยชน์ จำเลยสมคบกันนำรถไถเข้าไปในที่ดินของโจทก์ไถต้นถั่วของโจทก์เสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358, 359, 362, 82 ให้ขับไล่จำเลยและบริวารและให้ใช้ค่าเสียหายและค่าที่เสียประโยชน์

จำเลยให้การปฏิเสธ เมื่อประมาณ พ.ศ. 2502 โจทก์กับพวกได้ร้องต่ออำเภอว่า จำเลยขอรังวัดที่ดินรวมเอาที่ของโจทก์เข้าไว้ ทางอำเภอให้โจทก์ฟ้องใน 30 วัน แต่โจทก์ไม่ฟ้อง ฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเชื่อว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยเอารถไปไถทำลายต้นถั่วที่โจทก์ปลูกไว้เสียหาย พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358, 359, 362 แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 359 ซึ่งเป็นบทหนักปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 500 บาท ปรับจำเลยที่ 2 เป็นเงิน 1,000 บาท ให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปพ้นที่ดินของโจทก์ ให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหาย

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ในคดีอาญา เพราะจำเลยยื่นอุทธรณ์เกิน 15 วันคงให้รับเฉพาะคดีแพ่ง

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองที่พิพาท พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาหาว่าจำเลยบุกรุกที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินของโจทก์ ศาลพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกและขับไล่จำเลยคดีส่วนอาญาจำเลยไม่อุทธรณ์ภายใน 15 วัน ศาลจึงสั่งไม่รับอุทธรณ์ คดีส่วนอาญาจึงถึงที่สุดไปแล้ว คงมีประเด็นอุทธรณ์ฎีกาขึ้นมาเฉพาะส่วนแพ่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 บัญญัติว่า ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา และข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้ครอบครองที่พิพาทตลอดมา มิได้ละทิ้ง

ข้อที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไปขอออก น.ส. 3 สำหรับที่พิพาท โจทก์ร้องคัดค้านเจ้าหน้าที่เปรียบเทียบไม่ตกลง และสั่งให้โจทก์ไปฟ้องภายใน 30 วันโจทก์ไม่ฟ้อง จนเวลาล่วงเลยเกินกว่าปี คดีขาดอายุความนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทอยู่มิได้ละทิ้ง โจทก์ก็ไม่จำเป็นต้องไปฟ้องภายในกำหนดเวลาดังกล่าว และคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่พิพาทเมื่อเดือนมีนาคม2504 โจทก์ฟ้องเมื่อพฤษภาคม 2504 ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่หมดสิทธิที่จะฟ้องคดีนี้จึงชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share