คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1564/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้โดยสภาพของการสั่งจองพระเครื่อง ต้องมีการกรอกข้อความเกี่ยวกับชื่อและที่อยู่ของผู้สั่งจอง จำนวนพระเครื่องและจำนวนเงินที่สั่งจอง มอบต้นฉบับให้ผู้สั่งจองและเก็บคู่ฉบับเพื่อส่งมอบแก่ผู้จัดสร้างดังที่โจทก์ฎีกา แต่เมื่อใบสั่งจองดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดสิทธิหรือหน้าที่ประการใดแก่โจทก์ร่วม แม้จำเลยไม่คืนต้นฉบับและคู่ฉบับใบสั่งจองดังกล่าวให้โจทก์ร่วม จำเลยก็ไม่มีความผิดฐานเอาไปเสีย ซ่อนเร้น ทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารของผู้อื่น โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ตามป.อ. มาตรา 188
ใบสั่งจองที่ยังไม่ได้มีการกรอกข้อความใด ๆ เพื่อให้เป็นหลักฐานในการสั่งจองพระเครื่องที่โจทก์ร่วมเป็นผู้จัดสร้าง มิใช่เอกสารตามความหมายของ ป.อ. มาตรา 1 (7) แม้จำเลยไม่คืนให้โจทก์ร่วม จำเลยก็ไม่มีความผิดฐานเอาไปเสีย ซ่อนเร้น ทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารของผู้อื่น โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นเช่นกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นายอภิชัย ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 จำคุก 2 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยมีความผิดฐานเอาไปเสีย ซ่อนเร้น ทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารของผู้อื่น โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า ที่โจทก์ร่วมอ้างว่า โจทก์ร่วมเคยสอบถามจำเลยเรื่องยอดจอง จำเลยแจ้งโจทก์ร่วมว่ารับสั่งจองพระเครื่องไว้แล้วเป็นเงิน 600,000 บาท นั้น เป็นเพียงคำเบิกความของโจทก์ร่วมปากเดียวลอย ๆ ไม่มีพยานหลักฐานอื่นประกอบให้รับฟังได้เช่นนั้น ประกอบกับโจทก์ร่วมเบิกความรับว่า โจทก์ร่วมไม่ได้ส่งพระเครื่องที่โจทก์ร่วมจัดสร้างให้แก่จำเลย หากจำเลยรับเงินจากผู้สั่งจองแล้วและยังไม่ได้คืนให้ผู้สั่งจอง ผู้สั่งจองที่ไม่ได้รับพระเครื่องทั้งที่จ่ายเงินแล้ว ย่อมจะต้องทวงถามไปยังโจทก์ร่วมที่หมายเลขโทรศัพท์ท้ายใบจองที่มีอยู่ 3 หมายเลข ซึ่งเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของโจทก์ร่วมทั้งสิ้น แต่โจทก์ร่วมเบิกความตอบคำถามค้านทนายจำเลยว่า ไม่มีลูกค้าโทรศัพท์มาทวงถามพระเครื่องจากโจทก์ร่วมเลย ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ว่าจำเลยคืนเงินแก่ผู้สั่งจองไปหมดแล้วจึงมีน้ำหนัก ส่วนที่นางพรหมภัสสรเบิกความว่ามีผู้มาสั่งจองเป็นเงินประมาณ 4,000 บาท รวมทั้งนายธานี ต่อมานางพรหมภัสสรทราบว่าจำเลยมีปัญหากับโจทก์ร่วมจึงโทรศัพท์แจ้งผู้สั่งจองมารับเงินคืนไปหมดแล้ว เว้นแต่นายธานีที่ไม่มารับเงินคืนนั้น เมื่อตามคำเบิกความของโจทก์ร่วมไม่ปรากฏว่ามีลูกค้าโทรศัพท์มาทวงถามโจทก์ร่วม ย่อมทำให้เชื่อได้ว่าผู้สั่งจองทุกคนเว้นแต่นายธานี ได้รับเงินคืนจากนางพรหมภัสสรแล้วจริง เมื่อเป็นเช่นนี้ ในส่วนของใบสั่งจองที่จำเลยและนางพรหมภัสสรใช้รับจองพระเครื่องที่โจทก์ร่วมจัดสร้าง แต่คืนเงินให้ผู้สั่งจองไปหมดแล้วนั้น แม้โดยสภาพของการสั่งจองพระเครื่อง ต้องมีการกรอกข้อความเกี่ยวกับชื่อและที่อยู่ของผู้สั่งจอง จำนวนพระเครื่องและจำนวนเงินที่สั่งจอง มอบต้นฉบับให้ผู้สั่งจองและเก็บคู่ฉบับเพื่อส่งมอบแก่ผู้จัดสร้างดังที่โจทก์ฎีกา แต่เมื่อใบสั่งจองดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดสิทธิหรือหน้าที่ประการใดแก่โจทก์ร่วม แม้จำเลยไม่คืนต้นฉบับและคู่ฉบับใบสั่งจองดังกล่าวให้โจทก์ร่วม จำเลยก็ไม่มีความผิดฐานเอาไปเสีย ซ่อนเร้น ทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารของผู้อื่น โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น และในส่วนของใบสั่งจอง ที่นางพรหมภัสสรออกให้นายธานี ซึ่งมีการกรอกข้อความเกี่ยวกับชื่อและที่อยู่ของนายธานี จำนวนพระเครื่อง และจำนวนเงิน 1,995 บาท แล้วนั้น โจทก์ร่วมเบิกความเองว่า ภายหลังได้รับแจ้งจากจำเลยว่าไม่ได้รับจองพระเครื่องที่โจทก์ร่วมจัดสร้าง โจทก์ร่วมให้เพื่อนชื่อนายธานีไปสั่งจองพระเครื่องดังกล่าวที่ร้านของจำเลย แต่จำเลยให้ไปสั่งจองที่ร้านนรเสฏฐ์ของนางพรหมภัสสร นายธานีจึงไปจองพระเครื่องดังกล่าวที่ร้านนรเสฏฐ์ และได้รับต้นฉบับใบสั่งจอง เป็นหลักฐาน อีกทั้งเมื่อโจทก์นำนายธานีมาเบิกความเป็นพยานโจทก์และโจทก์ร่วม นายธานีเบิกความตอบทนายโจทก์ร่วมว่า ไม่ได้รับพระเครื่องที่สั่งจองและไม่ได้ไปรับเงินคืนจากร้าน กับเบิกความตอบคำถามค้านทนายจำเลยว่า หลังจากสั่งจองแล้วไม่ได้ไปติดต่อที่ร้านนรเสฏฐ์อีก ทั้งไม่เคยโทรศัพท์ไปที่ร้านดังกล่าวด้วย จึงเห็นได้ชัดว่ากรณีเป็นเรื่องที่โจทก์ร่วมให้นายธานีไปสั่งจองพระเครื่องรุ่นที่โจทก์ร่วมจัดสร้างจากจำเลยเพื่อแสวงหาพยานหลักฐานเอาผิดแก่จำเลย จนได้ต้นฉบับใบสั่งจอง ที่มีการกรอกข้อความแล้วมาอยู่ในครอบครองโจทก์ร่วม โดยโจทก์ร่วมทราบดีอยู่แล้วว่าไม่มีทางที่นายธานีจะได้รับพระเครื่องตามที่สั่งจอง เพราะโจทก์ร่วมไม่ได้ส่งมอบพระเครื่องให้แก่จำเลย เพียงแต่นายธานีอาจใช้ใบสั่งจองดังกล่าวเรียกให้นางพรหมภัสสรคืนเงินที่รับไว้เท่านั้น ใบสั่งจอง ในส่วนที่เป็นคู่ฉบับที่โจทก์ร่วมยังไม่ได้รับคืนมา จึงไม่ก่อให้เกิดสิทธิหรือหน้าที่ประการใดแก่โจทก์ร่วมเช่นกัน แม้จำเลยไม่คืนคู่ฉบับใบสั่งจอง ให้โจทก์ร่วม จำเลยก็ไม่มีความผิดฐานเอาไปเสีย ซ่อนเร้น ทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารของผู้อื่น โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น และสำหรับใบสั่งจองฉบับอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ฉบับที่จำเลยและนางพรหมภัสสรใช้ในการรับจองพระเครื่องแล้วนั้น เนื่องจากตามคำเบิกความของโจทก์ร่วมไม่ปรากฏว่ามีลูกค้าโทรศัพท์มาทวงถามโจทก์ร่วม ทำให้เชื่อได้ว่ายังไม่ได้มีการกรอกข้อความใด ๆ ในเอกสารดังกล่าว แม้จำเลยไม่คืนเอกสารดังกล่าวแก่โจทก์ร่วม แต่การกระทำที่จะเป็นความผิดฐานเอาไปเสีย ซ่อนเร้น ทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารของผู้อื่น โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 นั้น นอกจากวัตถุแห่งการกระทำที่กฎหมายคุ้มครองต้องเป็นเอกสารที่แสดงให้ปรากฏความหมายด้วยตัวอักษร ตัวเลข ผัง หรือแผนแบบอย่างอื่นแล้ว ยังต้องทำขึ้นเพื่อใช้เป็นหลักฐานแห่งความหมายนั้นด้วย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (7) ดังนี้ เมื่อยังไม่ได้มีการกรอกข้อความใด ๆ ลงในใบสั่งจองเหล่านี้เพื่อให้เป็นหลักฐานในการสั่งจองพระเครื่องที่โจทก์ร่วมเป็นผู้จัดสร้าง ใบสั่งจองฉบับอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ฉบับที่จำเลยและนางพรหมภัสสรใช้ในการรับจองพระเครื่องแล้ว จึงมิใช่เอกสารตามความหมายของบทบัญญัติดังกล่าว แม้จำเลยไม่คืนให้โจทก์ร่วม จำเลยก็ไม่มีความผิดฐานเอาไปเสีย ซ่อนเร้น ทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารของผู้อื่น โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นเช่นกัน ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share