คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1116/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า ส่งเงินค่าแชร์รวม 102,680 บาท แต่นำสืบว่าเมื่อหักดอกเบี้ยจากการเปียแชร์ออกแล้ว คงส่งเงินจริงเพียง 60,000 บาท จะเรียกว่าโจทก์นำสืบไม่สมฟ้องไม่ได้ เพราะเป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินจำนวนเต็มก่อนหักดอกเบี้ย เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์ควรได้ตามส่วนของจำนวนเต็มเมื่อหักดอกเบี้ยออกแล้วศาลก็มีอำนาจพิพากษาให้โจทก์ได้รับแต่ส่วนที่โจทก์ส่งจริงนั้นได้
จำเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันตั้งวงแชร์ขึ้น แล้วช่วยกันหาผู้เล่นมาร่วมเล่นในวงแชร์ที่ตั้งขึ้นด้วยกันนั้น กรณีเห็นได้ชัดว่า จำเลยที่ 1 กับพวกต่างผูกพันตนที่จะรับผิดร่วมกันต่อผู้เล่นทุกคนในฐานะลูกหนี้ร่วม จะแยกความรับผิดเป็นส่วนหาได้ไม่ เว้นแต่จะมีข้อสัญญาตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันทุจริตตั้งวงแชร์ ชักชวนโจทก์และผู้อื่นเข้าร่วมเล่นแชร์เปียหวย หากวงแชร์ล้มหรือเก็บเงินจากลูกแชร์คืนโจทก์ไม่ได้ จำเลยทั้งสามต้องร่วมกันรับผิดใช้เงินคืนโจทก์ส่งเงินรวม 102,680 บาท โดยไม่เคยเปียแชร์ได้เลย บัดนี้จำเลยล้มวงแชร์ ขอให้บังคับจำเลยใช้เงินคืนพร้อมดอกเบี้ย

จำเลยที่ 1 ต่อสู้ว่า ไม่ได้ร่วมกับจำเลยตั้งวงแชร์ ไม่เคยชวนและรับเงินแชร์จากโจทก์

ต่อมาโจทก์บอกกล่าวขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2, 3

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงิน 60,000 บาทแก่โจทก์

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินเพียง 30,000 บาท

โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 เป็นนายวงแชร์ร่วมกับจำเลยที่ 3 โจทก์ร่วมเล่นแชร์ด้วย เพราะจำเลยที่ 1 มิให้การปฏิเสธโจทก์ส่งเงินค่าแชร์แล้วรวม 60,000 บาท การส่งเงินไม่มีใบรับไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เมื่อวงแชร์ล้ม จำเลยที่ 1 ในฐานะนายวงต้องรับผิดชดใช้เงินที่เก็บไปจากโจทก์ให้แก่โจทก์

ปัญหาที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์สืบไม่สมฟ้อง โดยฟ้องว่าโจทก์ส่งเงินแชร์รวม 102,680 บาท แต่นำสืบว่าส่งจริงเพียง 60,000 บาทนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จะเรียกว่าโจทก์สืบไม่สมฟ้องไม่ได้ เพราะเป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินจำนวนเต็มก่อนหักดอกเบี้ย แต่ทางพิจารณาได้ความว่า โจทก์ควรได้ตามส่วนของจำนวนเต็มเมื่อหักดอกเบี้ยออกแล้ว อันเป็นจำนวนที่โจทก์ส่งจริง ศาลก็มีอำนาจพิพากษาให้โจทก์ได้รับแต่ส่วนที่โจทก์ส่งจริงนั้นได้

มีปัญหาว่า จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดต่อโจทก์เพียงใด ศาลฎีกาเห็นว่าการที่จำเลยที่ 1 กับนางสงวน จำเลยที่ 3 ร่วมกันตั้งวงแชร์ขึ้นแล้วช่วยกันหาผู้เล่นมาร่วมเล่นในวงแชร์ที่ตั้งขึ้นด้วยกันเช่นนี้ เป็นกรณีที่เห็นชัดว่า จำเลยที่ 1 และนางสงวนต่างผูกพันตนที่จะรับผิดร่วมกันต่อผู้เล่นทุกคนในฐานะเป็นลูกหนี้ร่วม ไม่ว่าผู้เล่นนั้นจะเป็นผู้ที่จำเลยที่ 1 ชักชวนมาหรือนางสงวนชักชวนมาไม่มีทางที่จะเห็นไปได้ว่า ต่างฝ่ายต่างแยกกันรับผิดต่อผู้เล่นเฉพาะที่ตนชักชวนมาหรือแยกกันรับผิดเป็นส่วนเท่า ๆกันต่อผู้เล่นแต่ละคน เมื่อพฤติการณ์เป็นที่เห็นชัดเช่นนี้ จำเลยที่ 1 จะแยกความรับผิดออกเป็นส่วนดังคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ได้ก็ต่อเมื่อมีสัญญากันไว้เป็นอย่างอื่น แต่กรณีหามีสัญญากันไว้เป็นอย่างอื่นไม่ จึงไม่อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 290 โจทก์ชอบที่จะได้รับชำระหนี้จากจำเลยที่ 1 โดยสิ้นเชิงตามมาตรา 291

พิพากษาแก้ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share