คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1116/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 เป็นเวรควบคุมนักโทษในแดน 1 ตั้งแต่ 12.00 – 18.00 นาฬิกา ก่อนจะออกเวรพ้นหน้าที่จะต้องมอบหน้าที่ให้จำเลยที่ 2 เข้าเป็นยามภายในแดน 1 มอบหน้าที่ยามภายนอกและลูกกุญแจตึกขังให้นายสุดใจผู้จะมารับหน้าที่ต่อ แต่เมื่อใกล้ 18.00 นาฬิกา จำเลยที่ 2 มารับหน้าที่คนเดียว จำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 เข้าเป็นยามภายในห้องขังใส่กุญแจตึกขังแล้ว ฝากลูกกุญแจตึกขังไว้กับจำเลยที่ 2 แล้วละทิ้งหน้าที่ไป เป็นช่องทางให้นักโทษใช้อุบายออกจากห้องขังแล้วจับหรือบังคับจำเลยที่ 2 ให้มอบลูกกุญแจไขตึกขังหลบหนีการควบคุมไปได้ ดังนี้ เป็นเพราะความประมาทปราศจากความระมัดระวังอย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 1 ผิดตามมาตรา 205
จำเลยที่ 2 รู้ดีว่า นายสุดใจจะต้องมารับยามภายนอกและรักษาลูกกุญแจตึกขัง ตามวิสัยและพฤติการณ์ไม่สมควรรับฝากลูกกุญแจตึกขังไว้เพราะนักโทษอาจออกจากห้องขังมาบังคับเอาลูกกุญแจตึกขังหนีไปได้ และน่าจะรู้ดีว่า ทางเรือนจำวางระเบียบให้มียามภายนอก ในเวลากลางคืน ก็เนื่องจากจะให้มีเจ้าหน้าที่ช่วยกันดูแลเป็นชั้นๆ เมื่อมีเหตุร้ายจะได้ช่วยกันระงับได้ทันท่วงที การยอมรับฝากลูกกุญแจจึงเป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 ละทิ้งหน้าที่ เป็นเหตุให้นักโทษหลบหนีที่คุมขังออกไป ฉะนั้นการที่จำเลยที่ 2 ยอมรับฝากลูกกุญแจตึกขังไว้จากจำเลยที่ 1 นับว่าเป็นความประมาทอย่างร้ายแรง นักโทษได้ลูกกุญแจจากจำเลยที่ 2 ไขประตูตึกขังหลบหนีไปได้ จึงเป็นเพราะความประมาทปราศจากความระมัดระวังอย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 2 ด้วย
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 205 วรรคท้ายเป็นเรื่องให้งดการลงโทษผู้กระทำผิด ในเมื่อผู้กระทำผิดสามารถจัดให้ได้ตัวผู้ที่หลุดพ้นจากการคุมขังคืนมาภายใน 3 เดือน จะจัดโดยวิธีใดก็ได้ มิใช่จะต้องให้โอกาสผู้กระทำผิดไปติดตามผู้ที่หลุดพ้นจากการคุมขังเสียก่อนแล้วจึงจะสอบสวนฟ้องร้องลงโทษจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้ง ๒ เป็นผู้คุมตรี เป็นเจ้าพนักงานมีตำแหน่งหน้าที่ควบคุมผู้ต้องขังตามอำนาจศาลได้ทำการควบคุมดูแลนักโทษประหารโดยประมาทปราศจากความระมัดระวังและฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของเรือนจำกลางบางขวาง เป็นเหตุให้นักโทษประหารซึ่งมีนักโทษชายสนองกับพวกรวม ๕ คน ออกจากห้องขัง ตึกขังและออกจากแดนได้และต่อสู้เจ้าพนักงานถึงแก่ความตาย ๒ คน อีก ๓ คนหลบหนีออกจากเรือนจำไปได้ ขอให้ลงโทษตามมาตรา ๒๐๕
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่าจำเลยทั้ง ๒ ผิดมาตรา ๒๐๕ จำคุกคนละ ๒ ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า วันเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ เป็นเวรควบคุมนักโทษในแดน ๑ ตั้งแต่ ๑๒.๐๐ – ๑๘.๐๐ นาฬิกา ก่อนจะออกเวรพ้นหน้าที่จะต้องมอบหน้าที่ให้จำเลยที่ ๒ เข้าเป็นยามภายในแดน ๑ มอบหน้าที่ยามภายนอกให้นายสุดใจ และมอบลูกกุญแจตึกขังให้นายสุดใจผู้จะมารับหน้าที่ต่อแต่เมื่อใกล้ ๑๘.๐๐ นาฬิกา จำเลยที่ ๒ มารับหน้าที่คนเดียว จำเลยที่ ๑ ให้จำเลยที่ ๒ เข้าเป็นยามภายในห้องขังและใส่กุญแจตึกขัง เนื่องจากนายสุดใจยังไม่มา จึงยังมอบลูกกุญแจตึกขังให้นายสุดใจไม่ได้ จำเลยที่ ๑ ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ฝากลูกกุญแจตึกขังไว้กับจำเลยที่ ๒ แล้วละทิ้งหน้าที่ไปเสียเฉย ๆ เป็นช่องทางให้นักโทษในห้องขังใช้อุบายออกจากห้องขังแล้วจับจำเลยที่ ๒ หรือบังคับจำเลยที่ ๒ ให้มอบลูกกุญแจให้แล้วไขตึกขังหลบหนีการควบคุมไปได้ เห็นว่าเป็นเพราะความประมาทปราศจากความระมัดระวังอย่างร้ายแรงของจำเลยที่ ๑
ส่วนจำเลยที่ ๒ รู้ดีว่านายสุดใจจะต้องมารับหน้าที่เป็นยามภายนอก และจะต้องเป็นผู้รักษาลูกกุญแจตึกขังด้วย และตามวิสัยและพฤติการณ์ จำเลยที่ ๒ ไม่ควรรับฝากลูกกุญแจตึกขังไว้จากจำเลยที่ ๑ อย่างยิ่ง เพราะนักโทษอาจออกจากห้องขังมาบังคับเอาลูกกุญแจไขตึกขังหนีไปได้และน่าจะรู้ดีว่า การที่ทางเรือนจำวางระเบียบให้มียามภายนอกในเวลากลางคืน ก็เนื่องจากจะให้มีหน้าที่ช่วยกันดูแลเอาใจใส่เป็นชั้น ๆ เมื่อมีเหตุร้ายแรงจะได้ช่วยกันระงับได้ทันท่วงที การที่จำเลยที่ ๒ ยอมรับฝากลูกกุญแจตึกขังไว้จากจำเลยที่ ๑ จึงเป็นเหตุให้จำเลยที่ ๑ ละทิ้งหน้าที่ยามภายนอกไปก่อนมอบหมายให้นายสุดใจ เป็นเหตุให้นักโทษหลบหนีที่คุมขังออกไปได้ จำเลยที่ ๒ จะทราบว่ามีระเบียบไม่ให้รับฝากลูกกุญแจหรือไม่ก็ตาม จำเลยที่ ๒ ก็ไม่ควรรับฝาก การยอมรับฝากนับว่าเป็นความประมาทอย่างร้ายแรง และฟังได้ว่า นักโทษชายสนองกับพวกได้เอาลูกกุญแจตึกขังจากจำเลยที่ ๒ ไปไขกุญแจตึกขังแล้วหลบหนีการควบคุมไปได้ เป็นเพราะความประมาทปราศจากความระมัดระวังอย่างร้ายแรงของจำเลยที่ ๒ ด้วย
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๐๕ วรรคท้าย เป็นบทบัญญัติให้โอกาสกับผู้กระทำความผิด คือ ถ้าผู้กระทำผิดจัดให้ได้ตัวผู้ที่หลุดพ้นจากการคุมขังคืนมาภายใน ๓ เดือน ก็ให้งดการลงโทษแก่ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นเรื่องให้งดการลงโทษในเมื่อผู้กระทำผิดสามารถจัดให้ได้ตัวผู้ที่หลุดพ้นจกการคุมขังคืนมาภายในสามเดือน การที่ผู้กระทำผิดจะจัดให้ได้ตัวผู้ที่หลุดพ้นจากการคุมขังมานั้น จะจัดโดยวิธีใดก็ได้ มิใช่จะต้องให้โอกาสผู้กระทำผิดไปติดตามผู้ที่หลุดพ้นจากการคุมขังเสียก่อนแล้ว จึงจะสอบสวนฟ้องร้องลงโทษจำเลยได้ พิพากษายืน

Share