คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1114/2549

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

การขอตั้งผู้จัดการมรดก ตลอดจนการคัดค้านการขอตั้งผู้จัดการมรดกไม่เป็นคดีที่ทายาทจะรับมรดกความของคู่ความที่ถึงแก่ความตายได้ เพราะการขอเป็นผู้จัดการมรดกก็ดี การคัดค้านการขอตั้งผู้จัดการมรดกก็ดี ถือได้ว่าเป็นสิทธิเฉพาะตัวของทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียแต่ละคน จึงไม่มีเหตุที่จะอนุญาตให้ ก. เข้ามาเป็นคู่ความแทนผู้คัดค้านซึ่งถึงแก่ความตายได้

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นบุตรบุญธรรมของคุณหญิงเนื้อทิพย์ เสมรสุต เจ้ามรดกซึ่งถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2540 ก่อนถึงแก่อนิจกรรมเจ้ามรดกทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้แก่ผู้ร้องแต่ผู้เดียว และตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก แต่การจัดการมรดกมีเหตุขัดข้อง ขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของคุณหญิงเนื้อทิพย์เจ้ามรดก
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านและแก้ไขคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านเป็นทายาทโดยธรรมมีสิทธิได้รับมรดกของคุณหญิงเนื้อทิพย์เจ้ามรดก เจ้ามรดกอยู่ในวัยชรา ความจำเลอะเลือนและเจ็บป่วย ขณะทำพินัยกรรมเป็นช่วงเวลาที่เจ้ามรดกอยู่ในอาการป่วยหนักสติฟั่นเฟือน ไม่มีสติสัมปชัญญะ และมิได้ประสงค์จะยกทรัพย์มรดกให้ผู้ร้องแต่ผู้เดียว แต่ผู้ร้องกับพวกใช้อุบายข่มขู่หลอกลวงให้เจ้ามรดกทำพินัยกรรม พินัยกรรมจึงตกเป็นโมฆะ ผู้คัดค้านเป็นผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดก ก่อนเจ้ามรดกถึงแก่อนิจกรรมผู้คัดค้านร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้อนุบาลเจ้ามรดกซึ่งเป็นบุคคลไร้ความสามารถ และศาลมีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้อนุบาลแล้ว ขอให้ยกคำร้อง และมีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดกแต่ผู้เดียว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งนายพีรพงศ์ เสมรสุต ผู้ร้อง เป็นผู้จัดการมรดกของคุณหญิงเนื้อทิพย์ เสมรสุต เจ้ามรดก กับให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย ยกคำร้องคัดค้าน ค่าฤชาธรรมเนียมในคดีทั้งหมดให้ตกเป็นพับ
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้คัดค้านฎีกา
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา นางสาวกมลทิพย์ เสมรสุต ยื่นคำร้องว่า ผู้คัดค้านถึงแก่ความตาย นางสาวกมลทิพย์เป็นทายาทของผู้คัดค้าน ขอเข้ารับมรดกความเพื่อดำเนินคดีต่อไป ทนายผู้ร้องแถลงว่า ผู้คัดค้านถึงแก่ความตายจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ตามมรณบัตรที่นางสางกมลทิพย์อ้างส่งเป็นหลักฐานประกอบคำแถลงของทนายผู้ร้องฟังได้ว่า ผู้คัดค้านถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2545 ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาจริง ศาลฎีกา เห็นว่าการขอตั้งผู้จัดการมรดก ตลอดจนการคัดค้านการขอตั้งผู้จัดการมรดก ไม่เป็นคดีที่ทายาทจะรับมรดกความของคู่ความที่ถึงแก่ความตายได้ เพราะการขอเป็นผู้จัดการมรดกก็ดี การคัดค้านการขอตั้งผู้จัดการมรดกก็ดี ถือได้ว่าเป็นสิทธิเฉพาะตัวของทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียแต่ละคน จึงไม่มีเหตุที่จะอนุญาตให้นางสาวกมลทิพย์เข้ามาเป็นคู่ความแทนผู้คัดค้านซึ่งถึงแก่ความตายได้ ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับและเมื่อผู้คัดค้านถึงแก่ความตาย ย่อมไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาคดีของผู้คัดค้านต่อไป”
ให้จำหน่ายคดีของผู้คัดค้านจากสารบบความของศาลฎีกา คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาทั้งหมดแก่ทายาทหรือผู้จัดการมรดกของผู้คัดค้าน ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share