คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 ได้นำยาฆ่าแมลงซึ่งมีสารพิษชนิดมีโธมิลผสมน้ำใส่ในขวดยาลดไข้พาราเซตามอลชนิดน้ำ แล้วใช้ให้จำเลยที่ 1 นำไปให้ผู้เสียหายดื่มเมื่อผู้เสียหายดื่มยาลดไข้ผสมสารพิษชนิดมีโธมิลแล้วก็เกิดอาเจียน และจำเลยที่ 1ใช้นิ้วล้วงคอให้ผู้เสียหายอาเจียน จนกระทั่ง ส.นำน้ำมาให้ดื่ม ผู้เสียหายก็อาเจียนอีกและไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เคยมีสาเหตุโกรธเคืองผู้เสียหายมาก่อน ประกอบกับสารพิษมีโธมิลต้องกินเข้าไปในปริมาณมากพอจึงจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนี้ย่อมฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย คงฟังได้เพียงว่าจำเลยที่ 2มีเพียงเจตนาทำร้ายผู้เสียหายให้เจ็บป่วยเท่านั้น และศาลย่อมลงโทษจำเลยที่ 2ในความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาได้ความนี้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๒, ๓๓, ๘๐, ๘๓, ๘๔, ๒๘๙ และริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙ (๔), ๘๐, ๓๓ จำคุกตลอดชีวิต สมควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ประกอบมาตรา ๕๓ คงจำคุก ๒๕ ปี ยกฟ้องจำเลยที่ ๑ ริบของกลาง
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่า จำเลยที่ ๒ ได้นำยาฆ่าแมลงซึ่งมีสารพิษชนิดมีโธมิลผสมน้ำใส่ในขวดยาลดไข้พาราเซตามอลชนิดน้ำ แล้วใช้ให้จำเลยที่ ๑ นำไปให้ผู้เสียหายดื่มที่โรงเรียนบ้านต้องโคกกระแซ
คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ ๒ ว่า จำเลยที่ ๒กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ โดยจำเลยที่ ๒ ฎีกาว่า จำเลยที่ ๒ ไม่ได้มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย คงมีเพียงเจตนาทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น เห็นว่า แม้จะตรวจพบสารมีโธมิลซึ่งเป็นสารพิษที่มนุษย์หรือสัตว์กินแล้วอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ผสมอยู่ในขวดยาลดไข้ที่ผู้เสียหายดื่มก็ตาม แต่ทางพิจารณาโจทก์ก็นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๒ ได้นำเอาสารพิษมีโธมิลผสมใส่ในขวดยาลดไข้พาราเซตามอลให้ผู้เสียหายดื่มในปริมาณมากจนอาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้หรือไม่ กลับปรากฏจากทางนำสืบของโจทก์เพียงว่า เมื่อผู้เสียหายดื่มยาลดไข้ผสมสารพิษชนิดมีโธมิลแล้วก็เกิดอาเจียน และจำเลยที่ ๑ ใช้นิ้วล้วงคอให้อาเจียน จนกระทั่งนางสุทธีนำน้ำมาให้ดื่มก็อาเจียนอีกแสดงว่า จำเลยที่ ๒ ผสมสารมีโธมิลในขวดยาลดไข้ให้ผู้เสียหายดื่มเข้าไปในปริมาณไม่มาก นอกจากนี้ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ ๒ เคยมีสาเหตุโกรธเคืองผู้เสียหายมาก่อนประกอบกับยังได้ความจากรายงานการตรวจพิสูจน์เอกสารหมาย จ.๘ ว่า สารพิษมีโธมิลต้องกินเข้าไปในปริมาณมากพอ จึงจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ การที่จำเลยที่ ๒เทสารพิษดังกล่าวผสมกับยาลดไข้พาราเซตามอลให้ผู้เสียหายกิน แสดงว่าสารพิษมีปริมาณไม่มากที่จะทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ ข้อเท็จจริงจึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๒ มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย น่าเชื่อว่าจำเลยที่ ๒ มีเพียงเจตนาทำร้ายผู้เสียหายให้เจ็บป่วยเพื่อให้นางระออทัยภริยาจำเลยที่ ๒ ซึ่งหนีไปจากจำเลยที่ ๒ กลับมาหาจำเลยที่ ๒ ตามที่จำเลยที่ ๒ นำสืบเท่านั้น คดีนี้แม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ในความผิดฐานพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยที่ ๒ มีเจตนาเพียงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้นศาลย่อมจะลงโทษจำเลยที่ ๒ ในความผิดฐานทำร้ายร่างกายได้
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๖ ให้จำคุก ๓ ปี คำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๘ คงจำคุก ๒ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๑.

Share