แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สถานีตำรวจเป็นสำนักราชการบ้านเมือง ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(3) แต่เป็นทรัพย์สินประเภทที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ มิใช่ทรัพย์สินที่มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 จำเลยทำให้สถานีตำรวจเสียหาย ย่อมไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 360
จำเลยเสพสุราเมา แล้วประพฤติวุ่นวายขึ้นบนสถานีตำรวจ และใช้ปืนยิงขึ้นโดยใช่เหตุ กระสุนปืนถูกกระจกกรอบรูปแตก และถูกคานพื้นสถานีตำรวจเสียหาย เช่นนี้ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 378 กระทงหนึ่ง และตามมาตรา 376 กับมาตรา 358 อีกกระทงหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นพลตำรวจประจำสถานีตำรวจภูธรอำเภอคำชะอีจำเลยได้เสพสุราจนเมาแล้วประพฤติวุ่นวายขึ้นบนสถานีตำรวจภูธรอำเภอคำชะอีซึ่งเป็นสถานที่ราชการและเป็นสาธารณสถาน โดยเตะถีบโต๊ะเก้าอี้ และกล่าวท้าทายร้อยตำรวจโทฉาย รื่นนามให้ชกต่อยกับจำเลย และจำเลยได้ใช้ปืนคาร์บีนยิงขึ้น ๑ นัด โดยใช่เหตุ กระสุนปืนถูกกระจกกรอบรูปของสถานีตำรวจแห่งนั้นแตกเสียหาย และถูกคานพื้นสถานีซึ่งเป็นทรัพย์ที่มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ของทางราชการแตกฉีกเสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๘, ๓๖๐, ๓๗๖ และ ๓๗๘
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๕๘, ๓๖๐, ๓๓๖ (น่าจะเป็น ๓๗๖), ๓๗๘ ให้ลงโทษตามมาตรา ๓๖๐ซึ่งเป็นบทหนัก กระทงหนัก ให้จำคุก ๑ ปี จำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษตามมาตรา ๗๘ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือโทษจำคุก ๖ เดือน
จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษจำคุก
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคานพื้นสถานีตำรวจเป็นส่วนหนึ่งของอาคารสถานที่ราชการเท่านั้นมิใช่เป็นทรัพย์ที่มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์แต่อย่างใด พิพากษาแก้ เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๘, ๓๗๖ และ ๓๗๘ ให้ลงโทษตามมาตรา ๓๕๘ ซึ่งเป็นบทหนักตามมาตรา ๙๐ จำคุกจำเลย ๖ เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา ๗๘ คงจำคุก ๓ เดือน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ภายในกำหนด ๑ ปี ตามมาตรา ๕๖ ข้อหานอกจากนี้ให้ยก
รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์นายหนึ่งทำความเห็นแย้งว่าสถานีตำรวจถือว่าเป็นสำนักราชการบ้านเมือง จึงเป็นทรัพย์สินที่มีไว้หรือใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๔ อนุมาตรา (๓) และเป็นทรัพย์สินซึ่งใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ตามวรรคแรกด้วย คานพื้นของสถานีตำรวจย่อมเป็นส่วนควบของสถานีตำรวจ ดังนั้น จำเลยจึงต้องมีความผิดตามมาตรา ๓๖๐ ด้วย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คานพื้นของสถานีตำรวจภูธรอำเภอคำชะอีเป็นส่วนประกอบของสถานีตำรวจแห่งนั้น การทำให้คานพื้นเสียหายจึงเป็นการทำให้สถานีตำรวจเสียหายด้วย แม้สถานีตำรวจจะเป็นสำนักราชการบ้านเมืองซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๔ (๓) ก็ดี แต่ก็เป็นทรัพย์สินประเภทที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะมิใช่ทรัพย์สินที่มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๐ จำเลยไม่มีความผิดตามมาตรานี้และศาลฎีกาวินิจฉัยต่อไปว่าการที่จำเลยเสพสุราจนเมาแล้วเตะถีบโต๊ะเก้าอี้ตลอดจนกล่าวท้าทายร้อยตำรวจโทฉายนั้น เป็นความผิดสำเร็จตามมาตรา ๓๗๘กระทงหนึ่งแล้ว ส่วนการที่จำเลยยิงปืนถูกกรอบรูปและคานพื้นสถานีตำรวจเสียหายยังเป็นความผิดตามมาตรา ๓๗๖ และมาตรา ๓๕๘ อีกกระทงหนึ่งด้วย
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๘ กระทงหนึ่ง และตามมาตรา ๓๗๖กับมาตรา ๓๕๘ อีกกระทงหนึ่ง ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๓๕๘ อันเป็นกระทงและบทหนักที่สุด นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์