แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 ซึ่งประกาศ ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2501 ได้บัญญัติให้ยกเลิกพระราชบัญญัติแรงงาน พ.ศ. 2499ต่อมาได้มีพระราชบัญญัติกำหนดวิธีระงับข้อพิพาทแรงงาน พ.ศ. 2508มาตรา 3 ให้ยกเลิกข้อ 4 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 แล้วบัญญัติวิธีระงับข้อพิพาทแรงงานขึ้นใหม่ ส่วนประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 19 ข้อ 2 และข้อ 7 ที่ให้กระทรวงมหาดไทยมีอำนาจกำหนดเวลาทำงานวันหยุดงานของลูกจ้าง ฯลฯ ตลอดจนการสั่งให้นายจ้างปฏิบัติตามข้อกำหนดของกระทรวงมหาดไทย ตามความในข้อ 2ยังมีผลใช้บังคับอยู่และเป็นกรณีข้อมูลคนละเรื่องกับพระราชบัญญัติกำหนดวิธีระงับข้อพิพาทแรงงาน พ.ศ. 2508 เพราะกฎหมายฉบับนี้มีหลักการว่าด้วยการกำหนดวิธีระงับข้อพิพาทแรงงานและให้ยกเลิกเฉพาะในข้อ 4 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 เท่านั้น
ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยที่ได้กำหนดเวลาทำงานของลูกจ้างในงานอุตสาหกรรมว่า โดยปกติจะเกินสัปดาห์ละ 48 ชั่วโมงไม่ได้นั้นไม่ได้หมายความว่าลูกจ้างต้องทำงานจนครบสัปดาห์ละ 48 ชั่วโมงเมื่อลูกจ้างได้ทำงานตามวันเวลาที่ตกลงจ้างกันแล้ว แม้เวลาทำงานไม่ครบ 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ นายจ้างก็มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าจ้างให้ตามอัตราที่ตกลงกัน ถ้านายจ้างให้ลูกจ้างทำงานในวันหยุดงาน นายจ้างก็ต้องจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างอีกเป็นพิเศษตามที่กฎหมายบังคับไว้นายจ้างไม่มีสิทธิที่จะหักชั่วโมงทำงานในวันหยุดงานไปชดเชยชั่วโมงทำงานในวันทำงานตามปกติที่ยังไม่ครบสัปดาห์ 48 ชั่วโมงให้ครบสัปดาห์ 48 ชั่วโมง แม้ลูกจ้างจะตกลงยินยอมด้วยก็ไม่มีผลบังคับเพราะเป็นข้อตกลงที่ขัดต่อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ประกอบการค้าอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 16กรกฎาคม 2516 ลูกจ้างของโจทก์จำนวน 14 คนในจำนวน 15 คนได้ร่วมกันยื่นหนังสือเรียกร้องตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกำหนดวิธีระงับข้อพิพาทแรงงาน พ.ศ. 2508 ต่อโจทก์ เพื่อขอแก้ไขเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง กล่าวคือ ขอให้โจทก์จัดให้มีวันหยุดงานจ่ายเงินประจำปี และให้โจทก์จ่ายเงินบำเหน็จเมื่อลูกจ้างออกจากงาน ในระหว่างที่กำลังเจรจาหาทางตกลงกันนั้นลูกจ้างทั้ง 15 คนได้ร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ซึ่งกระทรวงมหาดไทยแต่งตั้งตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 ซึ่งอยู่ในความควบคุมของกรมแรงงานจำเลยว่า โจทก์ใช้ให้ทำงานในวันหยุดโดยไม่จ่ายเงินค่าล่วงเวลาให้ตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ของจำเลยได้สั่งให้โจทก์จ่ายเงินค่าล่วงเวลาให้แก่คนงาน โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง จำเลยมีคำสั่งยืนตามคำสั่งเจ้าหน้าที่นั้น โจทก์กับลูกจ้างพิพาทกันเรื่องสภาพการจ้าง ตามพระราชบัญญัติกำหนดระงับข้อพิพาทแรงงาน พ.ศ. 2508 มาตรา 4, 5 ลูกจ้างดำเนินการเรียกร้องต่อโจทก์นั้น เป็นการถูกต้องแล้ว แต่ลูกจ้างมิได้ดำเนินการต่อไปให้ถึงที่สุด ดังนั้น คำสั่งของเจ้าหน้าที่ของจำเลยจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้เพิกถอนคำสั่ง
จำเลยให้การว่า ข้อเรียกร้องของลูกจ้างที่ยื่นต่อโจทก์นั้น ไม่ใช่ข้อพิพาทแรงงานอันเกี่ยวกับสภาพการจ้างตามมาตรา 4 และ 5 แห่งพระราชบัญญัติกำหนดวิธีระงับข้อพิพาทแรงงาน พ.ศ. 2508 เพราะเป็นเรื่องที่ลูกจ้างร้องทุกข์เกี่ยวกับวันทำงาน วันหยุดงาน การจ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ต้องนำเอาประกาศของคณะปฏิวัติและประกาศกระทรวงมหาดไทยมาใช้บังคับคำสั่งของจำเลยที่สั่งให้โจทก์จ่ายค่าแรงงานให้แก่ลูกจ้างนั้น เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า พระราชกำหนดวิธีระงับข้อพิพาทแรงงานพ.ศ. 2508 มาตรา 3 ให้ยกเลิกข้อ 4 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 19 นั้น เสียแล้ว ฉะนั้น อำนาจของเจ้าหน้าที่ที่กระทรวงมหาดไทยแต่งตั้งตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 19 จึงระงับสิ้นไป เจตนาของลูกจ้างที่ร้องก็เพื่อจะขอรับความคุ้มครองตามพระราชกำหนดวิธีระงับข้อพิพาทแรงงาน พ.ศ. 2508 นั่นเอง พิพากษาว่าคำสั่งของเจ้าหน้าที่จำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้เพิกถอนคำสั่งนั้นเสีย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 19 ซึ่งประกาศณ วันที่ 31 ตุลาคม 2501 ได้บัญญัติให้ยกเลิกพระราชบัญญัติแรงงานพ.ศ. 2499 ต่อมาได้มีพระราชบัญญัติกำหนดวิธีระงับข้อพิพาทแรงงานพ.ศ. 2508 มาตรา 3 ให้ยกเลิกข้อ 4 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 19 แล้วบัญญัติวิธีระงับข้อพิพาทแรงงานขึ้นใหม่ ส่วนประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 19 ข้อ 2 และข้อ 7 ที่ให้กระทรวงมหาดไทยมีอำนาจกำหนดเวลาทำงาน วันหยุดงานของลูกจ้าง ฯลฯ ตลอดจนการสั่งให้นายจ้างปฏิบัติตามข้อกำหนดของกระทรวงมหาดไทยตามความในข้อ 12 ยังมีผลใช้บังคับอยู่ และเป็นกรณีข้อมูลคนละเรื่องกับพระราชบัญญัติกำหนดวิธีระงับข้อพิพาทแรงงาน พ.ศ. 2508 เพราะกฎหมายฉบับนี้มีหลักการว่าด้วยการกำหนดวิธีระงับข้อพิพาทแรงงานพ.ศ. 2508 เพราะกฎหมายฉบับนี้มีหลักการว่าด้วยการกำหนดวิธีระงับข้อพิพาทแรงงาน และให้ยกเลิกเฉพาะความในข้อ 4 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 เท่านั้น
ข้อเท็จจริงคดีนี้เป็นกรณีที่ลูกจ้างยื่นคำร้องต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่านายจ้าง (คือโจทก์) ใช้ให้ลูกจ้างทำงานในวันหยุดงานตามประเพณีนิยมหรือในวันหยุดพักผ่อนประจำปีแล้วไม่ยอมจ่ายค่าจ้างตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 19 ข้อ 2 ข้อ 7 และประกาศกระทรวงมหาดไทยที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามความในข้อ 2 แห่งประกาศของคณะปฏิวัตินั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าตามประกาศกระทรวงมหาดไทยได้กำหนดเวลาทำงานของลูกจ้างในงานอุตสาหกรรมว่า โดยปกติจะเกินสัปดาห์ละ 48 ชั่วโมงไม่ได้ นั้น ไม่ได้หมายความว่าลูกจ้างต้องทำงานจนครบสัปดาห์ละ 48 ชั่วโมง เมื่อลูกจ้างได้ทำงานตามวันเวลาที่ตกลงจ้างกันแล้ว แม้เวลาทำงานไม่ครบ 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ นายจ้างก็มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าจ้างให้ตามอัตราที่ตกลงกันถ้านายจ้างให้ลูกจ้างทำงานในวันหยุดงาน นายจ้างก็ต้องจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างอีกเป็นพิเศษตามที่กฎหมายบังคับได้ นายจ้างไม่มีสิทธิที่จะหักชั่วโมงทำงานในวันหยุดงานไปชดเชยชั่วโมงทำงานในวันทำงานตามปกติที่ยังไม่ครบสัปดาห์ละ 48 ชั่วโมงให้ครบสัปดาห์ละ 48 ชั่วโมง แม้ลูกจ้างจะตกลงยินยอมด้วย ก็ไม่มีผลบังคับ เพราะเป็นข้อตกลงที่ขัดต่อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
พิพากษายืน