แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ในคดีนี้ซึ่งเป็นหนี้ค่าจ้างก่อสร้างอาคารโรงเรียนเทคโนโลยี ร. การที่ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอจัดการกิจการโรงเรียนเทคโนโลยี ฉ. แทนจำเลยผู้ไม่อยู่ชั่วคราว จนกว่าจำเลยจะกลับมา และผู้ร้องได้รับแต่งตั้งจากศาลให้เป็นผู้จัดการกิจการของโรงเรียนเทคโนโลยี ฉ. ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวว่า ผู้ร้องมีอำนาจ จัดการแต่เฉพาะในกิจการของโรงเรียนเทคโนโลยี ฉ. อันเป็นกรณีที่ศาลสั่งให้ทำการอย่างหนึ่งอย่างใดไปพลางก่อนตามที่จำเป็นเพื่อจัดการทรัพย์สินของจำเลยผู้ไม่อยู่ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 48 วรรคหนึ่ง หาใช่กรณีที่ศาลตั้งผู้ร้องเป็น ผู้จัดการทรัพย์สินของจำเลยผู้ไม่อยู่ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 48 วรรคสอง อันจะทำให้ผู้ร้องมีอำนาจหน้าที่อย่างเดียวกับ ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจทั่วไปไม่แม้ในเหตุฉุกเฉินผู้ร้องก็ไม่อาจจะก้าวล่วงไปจัดการในกิจการอื่นของจำเลยได้ ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจที่จะยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีนี้ใหม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ค่าจ้างก่อสร้างอาคารเรียนโรงเรียนเทคโนโลยี ร. ชำระเป็นเงิน ๔,๑๗๘,๕๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๔,๑๗๘,๕๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๕,๐๐๐ บาท
ผู้ร้องยื่นคำร้อง ขอให้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ โดยให้ผู้ร้องดำเนินการแทนจำเลยผู้ไม่อยู่
โจทก์ยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่า เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๔๒ จำเลยไปเสียจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่โดยไม่มีใครรู้แน่ว่าจำเลยยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ และมิได้ตั้งตัวแทนผู้รับมอบอำนาจทั่วไปไว้ ต่อมาวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๔๓ ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรามีคำสั่งในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๓๓๕/๒๕๔๓ ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการกิจการของโรงเรียนเทคโนโลยีฉะเชิงเทราซึ่งเป็นทรัพย์สินของจำเลยผู้ไม่อยู่ โดยก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ในคดีนี้แก่โจทก์ การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอจัดการกิจการโรงเรียนเทคโนโลยีฉะเชิงเทราแทนจำเลยผู้ไม่อยู่ชั่วคราว จนกว่าจำเลยจะกลับมา และผู้ร้องได้รับแต่งตั้งจากศาลให้เป็นผู้จัดการกิจการของโรงเรียนเทคโนโลยีฉะเชิงเทราก็ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวแล้วว่า ผู้ร้องมีอำนาจจัดการแต่เฉพาะในกิจการของโรงเรียนเทคโนโลยีฉะเชิงเทรา อันเป็นกรณีที่ศาลสั่งให้ทำการอย่างหนึ่งอย่างใดไปพลางก่อน ตามที่จำเป็นเพื่อจัดการทรัพย์สินของผู้ไม่อยู่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๔๘ วรรคหนึ่ง หาใช่กรณีที่ศาลตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของจำเลยผู้ไม่อยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๘ วรรคสอง อันจะทำให้ผู้ร้องมีอำนาจหน้าที่อย่างเดียวกับตัวแทนผู้รับมอบอำนาจทั่วไปไม่ แม้ในเหตุฉุกเฉินผู้ร้องก็ไม่อาจจะก้าวล่วงไปจัดการในกิจการอื่นของจำเลยได้ ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจที่จะยื่น คำร้องขอให้พิจารณาคดีนี้ใหม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษามานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ