คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1110/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันในศาลยินยอมรับผิดจำกัดการชำระหนี้ตามคำพิพากษาเฉพาะทรัพย์ที่เอามาแสดงวางประกันต่อศาล ในเมื่อจำเลยในคดีแพ่งนั้นไม่ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ หาได้ยินยอมให้ผูกพันถึงทรัพย์อื่นของตนด้วยไม่ เช่นนี้ เมื่อจำเลยได้โอนที่ดินแปลงอื่น ๆ ของตนไปให้แก่ผู้ใด จำเลยก็ไม่มีความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ยื่นประกันการชำระหนี้แทนนายก้านก่อง ชาแสน คดีแพ่งเลขแดงที่ ๑๖๘/๒๕๐๓ เป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ในเมื่อนายก้านก่องแพ้คดีนั้นแก่โจทก์ในชั้นฎีกา ต่อมาศาลฎีกาได้พิพากษาให้นายก้านก่องแพ้คดี จำเลยได้โอนที่ดินปลูกบ้าน ๑ แปลงที่วางประกันและเรือนจำเลยที่อยู่ในที่ดินปลูกบ้านนั้นกับที่ดินนาอีก ๒ แปลงของจำเลย ให้แก่บุตรจำเลยอันเป็นการยักย้าย ซ่อนเร้น โดยจำเลยมีเจตนาฉ้อโกงโจทก์ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๕๐
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การว่า การประกันหนี้สินของนายก้านก่องนั้น จำเลยได้ประกันจริงตามฟ้อง แต่ได้นำหลักทรัพย์คือ ที่ดินปลูกบ้าน ๑ แปลงเป็นประกัน หาใช่จำเลยประกันด้วยบุคคลที่จะต้องชำระหนี้สินแทนนายก้านก่องทั้งสิ้นไม่ ส่วนที่ดินปลูกบ้านอีกแปลงหนึ่งกับที่นาอีก ๒ แปลง ที่จำเลยได้โอนให้แก่นายดองนั้น จำเลยมีสิทธิทำได้ เพราะมิได้นำเข้ามาผูกพันกับหนี้สินของโจทก์แต่อย่างใด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นสอบคู่ความแล้วโจทก์จำเลยรับข้อเท็จจริงกันว่า ที่ดินปลูกบ้านแปลงที่จำเลยได้นำมาวางประกันการชำระหนี้ต่อศาล จำเลยมิได้โอนให้ผู้ใด จำเลยคงโอนที่ดินแปลงอื่นไป แล้วคู่ความต่างแถลงไม่ติดใจสืบพยาน แล้วศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า เมื่อทรัพย์ที่จำเลยนำมาวางประกันยังมิได้โอนให้แก่ผู้ใด จำเลยก็ไม่มีความผิด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการเข้าค้ำประกันด้วยบุคคล จำเลยต้องมีความผิดตามฟ้อง
ศาลฎีกาได้พิจารณาแล้วได้ความว่า ในคดีแพ่งแดงที่ ๑๖๔/๒๕๐๓ โจทก์คดีนี้เป็นโจทก์นั้น นายก้านก่องจำเลยที่ ๒ แพ้คดี และฎีกากับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีที่จะใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ศาลฎีกาสั่งว่า ถ้าผู้ร้องหาประกันมาให้เป็นที่พอใจของศาลชั้นต้นได้ ก็ให้ทุเลาการบังคับคดี นายก้านก่องนายลาวจำเลยคดีนี้กับนางสมโภชน์ได้นำหลักทรัพย์มาวางสำหรับนายลาวจำเลยนำแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน(ส.ค.๑) ๑ ฉบับมาวางประกันนายก้านก่องจึงได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับ ปรากฎตามคำร้องของคนทั้ง ๓ ดังกล่าว ความว่า “ฯลฯ หลักทรัพย์ที่นำมาประกันนี้ ถ้าคดีของข้าพเจ้า(หมายถึงจำเลยในคดีก่อน)ไม่ชนะ ข้าพเจ้ายินยอมให้ศาลยึดทรัพย์ของข้าพเจ้าที่นำมาประกันนี้ พร้อมกับหนังสือข้าพเจ้าได้แนบเอกสารและทรัพย์สินมาพร้อมด้วยแล้ว” ซึ่งไม่มีข้อความแสดงว่าผู้ร้องยืนยันให้ยึดทรัพย์ของผู้ร้องได้อีกเลย เมื่อศาลสอบในรายงานกระบวนพิจารณาที่ลงวันเดียวกันกับวันที่ลงในคำร้องดังกล่าว ศาลได้สอบถามนายลาวจำเลยในคดีนี้ นายลาวจำเลยก็แถลงว่ายินยอมนำหลักทรัพย์ดังกล่าวประกันการชำระหนี้รายนี้ตามคำพิพากษา
ซึ่งแสดงว่าจำเลยยินยอมรับผิดจำกัดการชำระหนี้เฉพาะทรัพย์ที่เอามาแสดงวางประกันต่อศาลเท่านั้น ในเมื่อจำเลยในคดีก่อนนั้นไม่ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ หาได้ยินยอมให้ผูกพันถึงทรัพย์อื่นของตนด้วยไม่ เมื่อข้อตกลงมีอยู่เพียงเท่านี้ การที่นายลาวจำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันในศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗๔ ได้โอนที่ดินแปลงอื่น ๆ ของตนไปให้แก่ผู้ใด อันเป็นที่ดินอยู่นอกข้อตกลงซึ่งไม่ได้เอามาแสดงวางไว้ต่อศาล จึงไม่มีความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๐ พิพากษายืน

Share