คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11066/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญานั้นหมายถึงคดีที่การกระทำผิดอาญานั้นก่อให้เกิดสิทธิเรียกร้องทางแพ่งติดตามมาด้วย เมื่อศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องคดีส่วนอาญาแล้วมีคำสั่งให้ประทับฟ้องและหมายเรียกจำเลยแก้คดีย่อมเป็นการสั่งรับฟ้องคดีส่วนอาญาและคำฟ้องคดีส่วนแพ่งด้วยโดยไม่จำต้องสั่งรับฟ้องคดีส่วนแพ่งอีก ดังนี้ ในการฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาโจทก์จึงต้องฟ้องคดีแพ่งมาพร้อมกับคดีอาญาตั้งแต่แรก แต่คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องเฉพาะคดีในส่วนอาญาจนศาลชั้นต้นมีคำสั่งประทับฟ้องและจำเลยให้การต่อสู้คดีแล้วโจทก์จึงมายื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องให้จำเลยรับผิดคดีในส่วนแพ่ง ซึ่งการขอเพิ่มเติมฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 164 ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 4 นั้น ฟ้องเดิมจะต้องสมบูรณ์อยู่แล้ว เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยเฉพาะคดีอาญาแล้วต่อมาได้ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องโดยขอให้จำเลยรับผิดในทางแพ่งโดยอ้างว่าโจทก์ต้องจ่ายเงินให้แก่บริษัท บ. ห้างหุ้นส่วนจำกัด ห. และนาย ท. จำเลยจึงต้องคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์ ดังนี้คำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการกล่าวอ้างความรับผิดทางแพ่งของจำเลยขึ้นมาใหม่ โจทก์จะมาขอเพิ่มเติมฟ้องเช่นนี้ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 352, 353 ให้จำเลยคืนเงิน 190,642.19 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะคืนเงินให้โจทก์เสร็จสิ้น
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ และไม่ได้ยื่นคำให้การในคดีส่วนแพ่ง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องคดีส่วนอาญา
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 วินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยยังมิได้วินิจฉัยปัญหาตามอุทธรณ์ของโจทก์ในส่วนฟ้องทางแพ่งที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยคืนเงิน 190,642.19 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จึงเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186 (9) พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ตามรูปคดี คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ส่วนเกิน 200 บาท แก่โจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในส่วนอาญา และพิพากษาบังคับให้จำเลยชำระเงินจำนวน 190,642.19 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับถัดจากวันยื่นคำร้อง (วันที่ 26 พฤษภาคม 2553) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เพิ่มเติมฟ้องเฉพาะคดีในส่วนแพ่งเป็นการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ข้อเท็จจริงปรากฏในสำนวนว่า ขณะที่โจทก์ยื่นคำฟ้องคดีนี้ โจทก์ยื่นคำฟ้องเฉพาะคดีอาญาโดยขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 352, 353 เท่านั้น เมื่อศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูลจึงประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา หลังจากนั้นศาลชั้นต้นอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟัง จำเลยให้การปฏิเสธ แต่เมื่อศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ไปได้ 5 ปาก ก่อนสืบพยานโจทก์ที่เหลือและพยานจำเลย โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ผู้เป็นนายจ้าง ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเพราะโจทก์ต้องจ่ายเงินให้แก่บริษัทเบญจภูมิทราฟฟิค จำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด หาดใหญ่เรืองชัยการโยธา และนายทิชชากรณ์ จำเลยจึงต้องคืนเงินจำนวน 190,642.19 บาท ให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ย และมีคำขอให้จำเลยใช้เงินจำนวน 190,642.19 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะคืนเงินให้โจทก์เสร็จสิ้น ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์ ซึ่งเป็นการเพิ่มเติมฟ้องเฉพาะคดีในส่วนแพ่ง ซึ่งคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญานั้น หมายถึงคดีที่การกระทำผิดอาญานั้นก่อให้เกิดสิทธิเรียกร้องทางแพ่งติดตามมาด้วย ซึ่งเมื่อศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องคดีส่วนอาญาแล้วมีคำสั่งให้ประทับฟ้องและหมายเรียกจำเลยแก้คดี ย่อมเป็นการสั่งรับฟ้องคดีส่วนอาญาและคำฟ้องคดีส่วนแพ่งด้วย โดยไม่จำต้องสั่งรับฟ้องคดีส่วนแพ่งอีก ดังนี้ ในการฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา โจทก์จึงต้องฟ้องคดีแพ่งมาพร้อมกับคดีอาญาตั้งแต่แรก แต่คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องเฉพาะคดีในส่วนอาญาจนศาลชั้นต้นมีคำสั่งประทับฟ้องและจำเลยให้การต่อสู้คดีแล้ว โจทก์จึงมายื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องให้จำเลยรับผิดคดีในส่วนแพ่ง ซึ่งการขอเพิ่มเติมฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 164 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 4 นั้น ฟ้องเดิมจะต้องสมบูรณ์อยู่แล้ว เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยเฉพาะคดีอาญาแล้วต่อมาได้ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องโดยขอให้จำเลยรับผิดในทางแพ่งโดยอ้างว่าโจทก์ต้องจ่ายเงินให้แก่บริษัทเบญจภูมิทราฟฟิค จำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด หาดใหญ่เรืองชัยการโยธา และนายทิชชากรณ์ จำเลยจึงต้องคืนเงินจำนวน 190,642.19 บาท พร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์ ดังนี้ คำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการกล่าวอ้างความรับผิดทางแพ่งของจำเลยขึ้นมาใหม่ โจทก์จะมาขอเพิ่มเติมฟ้องเช่นนี้ไม่ได้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องและรับคดีส่วนแพ่งไว้พิจารณาเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น และกรณีไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยอีกเพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 9 ในคดีส่วนแพ่ง ให้คืนค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้น ชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาแก่โจทก์และจำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9

Share