แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้ปลอมเครื่องหมายการค้า ร. อันเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัท ล. ผู้เสียหาย โดยใช้เครื่องปั๊มแบบอัตโนมัติปั๊มเครื่องหมายการค้า ร. ลงบนแว่นกันแดดจำนวน 1,254 อัน และกล่องใส่แว่นกันแดด จำนวน 1,100 อัน อันเป็นการปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้เสียหายอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย นอกจากนี้จำเลยยังมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งแว่นกันแดด จำนวน 1,254 อัน และกล่องใส่แว่นกันแดด จำนวน 1,100 อัน ดังกล่าวที่มีตราเครื่องหมายการค้าซึ่งจำเลยทำปลอมเครื่องหมายการค้าที่แท้จริงของผู้เสียหาย ซึ่งได้จดทะเบียนโดยชอบแล้วโดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นสินค้าที่ปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้เสียหาย เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ดังกล่าวจึงต้องถือว่าการกระทำความผิดของจำเลยเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระกัน เนื่องจากความผิดฐานปลอมเครื่องหมายการค้าตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้าฯ มาตรา 108 กับความผิดฐานเสนอจำหน่ายและมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้าฯ มาตรา 110 (1) เป็นการกระทำความผิดที่มีองค์ประกอบความผิดและเจตนาที่ต่างหากจากกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15 เมษายน 2550 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 22 สิงหาคม 2550 เวลา 18.30 นาฬิกา ต่อเนื่องกัน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ จำเลยซึ่งเป็นบุคคลต่างด้าว (ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน) ได้ทำงานเร่ขายสินค้าแก่ประชาชนทั่วไปเพื่อหารายได้ อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และจำเลยได้ปลอมเครื่องหมายการค้า ” ” (เรย์แบน) ของบริษัทลูซอตติกา เอส.อาร์.แอล.เวีย วัลคอซเซน่า จำกัด ผู้เสียหายที่ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าแล้วในราชอาณาจักรโดยใช้เครื่องปั๊มแบบอัตโนมัติปั๊มเครื่องหมายการค้าดังกล่าวลงบนแว่นกันแดดและกล่องใส่แว่นกันแดดจนสำเร็จเป็นแว่นกันแดด จำนวน 1,254 อัน และกล่องใส่แว่นกันแดดจำนวน 1,100 อัน อันเป็นการปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้เสียหายอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย นอกจากนี้จำเลยยังเสนอจำหน่ายและมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งแว่นกันแดด จำนวน 1,254 อัน และกล่องใส่แว่นกันแดด จำนวน 1,100 อัน ดังกล่าวที่มีตราเครื่องหมายการค้าซึ่งจำเลยทำปลอมเครื่องหมายการค้าที่แท้จริงของผู้เสียหายซึ่งได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าโดยชอบแล้ว โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นสินค้าที่ปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้เสียหาย เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมยึดแว่นกันแดดจำนวน 1,254 อันและกล่องใส่แว่นกันแดด จำนวน 1,100 อัน ดังกล่าวและทรัพย์สินซึ่งจำเลยใช้ในการกระทำความผิดเป็นของกลาง เหตุเกิดที่แขวงพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 4, 108, 110, 115, 117 พระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2521 มาตรา 5, 6, 33 พระราชกฤษฎีกากำหนดงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ พ.ศ.2522 มาตรา 4 และบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ พ.ศ.2522 ลำดับที่ 35 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33 และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 108, 110 (1) ประกอบมาตรา 108 พระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2521 มาตรา 6, 33 ประกอบพระราชกฤษฎีกากำหนดงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ พ.ศ.2522 มาตรา 4 และบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ พ.ศ.2522 (35) อันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่ละบทมีโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานปลอมเครื่องหมายการค้า จำคุก 6 เดือน และปรับ 150,000 บาท กระทงหนึ่ง ความผิดตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว ให้ลงโทษจำคุก 2 เดือน และปรับ 6,000 บาท อีกกระทงหนึ่ง รวมโทษทุกกระทงจำคุก 8 เดือน และปรับ 156,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 เดือน และปรับ 78,000 บาท เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวต่อไป โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยตามฟ้องโจทก์ในข้อหาความผิดฐานปลอมเครื่องหมายการค้ากับความผิดฐานเสนอจำหน่ายและมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระซึ่งต้องพิพากษาเรียงกระทงลงโทษหรือไม่ เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้ปลอมเครื่องหมายการค้าเรย์แบนอันเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทลูซอตติกา เอส.อาร์.แอล.เวีย วัลคอซเซน่า จำกัด ผู้เสียหาย โดยใช้เครื่องปั๊มแบบอัตโนมัติปั๊มเครื่องหมายการค้าเรย์แบนลงบนแว่นกันแดด จำนวน 1,254 อัน และกล่องใส่แว่นกันแดด จำนวน 1,100 อัน อันเป็นการปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้เสียหายอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย นอกจากนี้จำเลยยังมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งแว่นกันแดด จำนวน 1,254 อัน และกล่องใส่แว่นกันแดด จำนวน 1,100 อัน ดังกล่าวที่มีตราเครื่องหมายการค้าซึ่งจำเลยทำปลอมเครื่องหมายการค้าที่แท้จริงของผู้เสียหาย ซึ่งได้จดทะเบียนโดยชอบแล้ว โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นสินค้าที่ปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้เสียหาย เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ดังกล่าวจึงต้องถือว่าการกระทำความผิดของจำเลยเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระกันเนื่องจากความผิดฐานปลอมเครื่องหมายการค้าตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 108 กับความผิดฐานเสนอจำหน่ายและมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 110 (1) เป็นการกระทำความผิดที่มีองค์ประกอบความผิดและเจตนาที่ต่างหากจากกัน ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่า เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทจึงไม่ถูกต้อง อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานปลอมเครื่องหมายการค้า จำคุก 6 เดือน และปรับ 150,000 บาท ฐานเสนอจำหน่ายและมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอม จำคุก 6 เดือน และปรับ 150,000 บาท รวมโทษ 3 กระทง จำคุก 14 เดือน และปรับ 306,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 7 เดือน และปรับ 153,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง