คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4595/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยไปแล้ว ทรัพย์ดังกล่าวไม่อยู่ในความยึดถือหรืออยู่ในอำนาจสั่งการของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะดำเนินการขายหรือไม่ขายทอดตลาดอีกต่อไป ถึงหากจะมีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้งดการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยไว้ก่อนตามคำร้องของจำเลย หรืออนุญาตให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการขายทอดตลาดต่อไปตามฎีกาของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ก็ไม่อยู่ในวิสัยที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะปฏิบัติตามคำสั่งหรือคำพิพากษาดังกล่าวได้ คดีจึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยต่อไปว่าสมควรอนุญาตให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยดังฎีกาของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือไม่ จึงให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองล้มละลาย ในระหว่างสืบพยานโจทก์ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองชั่วคราวเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2531
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องว่า เมื่อวันที่ 15พฤศจิกายน 2531 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยทั้งสอง ในวันที่ 13 ธันวาคม 2531 เวลา 10 นาฬิกา ทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองดังกล่าวเป็นทรัพย์ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527ได้ทำการยึดไว้ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม 2530 พนักงานดังกล่าวได้ส่งมอบทรัพย์สินทั้งหมดให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เมื่อวันที่12 ถึง 14, 18 และ 21 ตุลาคม 2531 ทรัพย์ดังกล่าวมิใช่เป็นของเสียง่าย หรือถ้าหน่วงช้าไว้จะเป็นการเสี่ยงความเสียหายหรือค่าใช้จ่ายจะเกินส่วนแห่งค่าของทรัพย์สิน ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 19 วรรคสาม เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีอำนาจขายทรัพย์สินของจำเลยทั้งสอง ขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์งดการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ถูกยึด
ในวันนัดพร้อมของศาลชั้นต้น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แถลงคัดค้านว่า ทรัพย์ดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เคยถูกใช้งานมาแล้ว หากนำไปเก็บไว้โดยไม่นำมาใช้อีกจะเกิดความเสียหายและถ้าหน่วงช้าไว้จะเป็นการเสี่ยงความเสียหาย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลยทั้งสองให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยทั้งสองตามบัญชียึดทรัพย์หมาย ก. ฉบับลงวันที่ 12 ตุลาคม 2531หมาย ข. ฉบับลงวันที่ 13 ตุลาคม 2631 และหมาย ณ. ฉบับลงวันที่27 ตุลาคม 2531
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า ไม่อนุญาตให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยทั้งสอง
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกาขอให้อนุญาตให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยทั้งสองนั้น ปรากฏจากฎีกาและสำเนาเอกสารท้ายฎีกาของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า ขณะที่คดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ออกประกาศฉบับลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์2532 กำหนดวันเวลาและสถานที่ที่จะทำการขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวของจำเลยทั้งสอง และต่อมาวันที่ 15 มีนาคม 2532 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ขายทอดตลาดทรัพย์ทั้งหมดดังกล่าวให้ผู้เสนอซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดไปแล้ว ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ขายทอดตลาดของจำเลยทั้งสองไปแล้ว ทรัพย์ดังกล่าวไม่ได้อยู่ในความยึดถือหรืออยู่ในอำนาจสั่งการของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะดำเนินการขายหรือไม่ขายทอดตลาดอีกต่อไป ถึงหากจะมีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้งดการขายทอดตลาดของจำเลยทั้งสองไว้ก่อนตามคำร้องของจำเลยทั้งสอง หรืออนุญาตให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการขายทอดตลาดต่อไปตามฎีกาของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ไม่อยู่ในวิสัยที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะปฏิบัติตามคำสั่งหรือคำพิพากษาดังกล่าวได้ คดีจึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยต่อไปว่าสมควรอนุญาตให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองดังฎีกาของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือไม่
จึงให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ.

Share